ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 29-07-2009, 10:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,542 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่สี่เรียก คณปลิโพธ เป็นห่วงเพื่อนฝูง นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไปคิดถึงคนที่ไม่ได้มา เออหนอ...น่าเสียดายจริง เขาไม่ได้มา ทำให้ไม่ได้มานั่งปฏิบัติธรรมอย่างเรา เรามัวแต่ห่วงเขาจิตใจก็เลยฟุ้งซ่านไม่ตั้งมั่น

ข้อที่ห้าเรียกว่า กัมมปลิโพธ คือ ห่วงงาน ตรงนี้ชัดเลย งานที่ทำค้างอยู่ งานที่ทำไม่เสร็จ ไปคิดไปกังวล จิตใจก็ไม่รวมตัวเป็นสมาธิ


ข้อที่หก ท่านเรียกว่า อัทธานปลิโพธิ ห่วงกังวลกับการเดินทาง ต้องเตรียมการอย่างนั้น ต้องเตรียมการอย่างนี้ เสื้อผ้ายังไม่ได้จัดใส่กระเป๋า ยารักษาโรคยังไม่ได้เตรียมไว้ มะรืนนี้จะมีพุทธาภิเษกแล้ว เราจะขนอะไรไปดี มัวแต่กังวลอยู่ จิตใจฟุ้งซ่านก็ไม่ตั้งมั่นได้

ข้อเจ็ดเขาเรียกว่า ญาติปลิโพธ หรือญาตะปลิโพธ ความห่วงกังวลในญาติของตัวเอง คนนั้นเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนั้น คนนี้ทะเลาะกับครอบครัว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องนอกกายทั้งหมด เป็นเรื่องของคนอื่นทั้งหมด มีเวลาแล้วค่อยไปช่วยเขาแก้ไข แต่ตอนนี้เรามีหน้าที่ปฏิบัติ ขอให้ทำของเราให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขา

ข้อที่แปดเรียก อาพาธะปลิโพธ หรืออาพาธปลิโพธ คือ กังวลอยู่กับความเจ็บป่วย เราเองแข้งขาไม่ดี นั่งนาน ๆ จะลุกขึ้นได้หรือเปล่า หรือตัวเราเองมีโรคประจำตัวอยู่ นั่งนาน ๆ มันจะทรุดหนักไหม ยาอมใต้ลิ้นก็ไม่ได้เอามา เวลาอาการโรคกำเริบแล้วจะเป็นอย่างไร มัวแต่กังวลอยู่จิตใจก็ไม่ทรงตัวเสียที

ข้อเก้าท่านเรียกว่า คันถปลิโพธิ คือ ห่วงด้วยการศึกษาเล่าเรียน ตรงนี้ไม่ว่าผู้ที่เป็นนักเรียน ไม่ว่าพระหรือฆราวาสจะทราบดี หนังสือตรงนี้ยังไม่ได้ท่องเลย พรุ่งนี้อาจารย์บอกจะเก็บคะแนนแล้ว บาลีข้อนี้ยังท่องไม่ได้ พรุ่งนี้อาจารย์จะให้ไปสอบปากเปล่า มัวแต่ห่วงมัวแต่กังวลอยู่ จิตก็เลยไม่ตั้งมั่น

ข้อสุดท้ายท่านเรียก อิทธิปลิโพธิ คือ ความกังวลในเรื่องของฤทธิ์ เรื่องของฌาน เรื่องของสมาบัติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นของแถมในการปฏิบัติ ถ้ากำลังใจทรงตัวตั้งมั่นจริง ๆ ของพวกนี้จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะสายของพวกเรา เป็นการปฏิบัติสายอภิญญา ของเก่ามีมากแล้วทุกคน ถ้าใจนิ่ง ใจสงบมีพลังงานแล้วจริง ๆ ถึงเวลาจะใช้งานได้โดยอัตโนมัติ

ไม่ต้องไปกังวลว่ามันจะได้หรือไม่ได้ มันจะมีหรือไม่มี เรานั่งกรรมฐานครั้งนี้เราจะรู้เห็นอะไรหรือเปล่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันพาฟุ้งซ่านทั้งนั้น เพราะว่าจุดมุ่งหมายจริง ๆ ของเรา ต้องการความสงบระงับ ไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลงเกิดได้ จิตใจของเราจะได้ผ่องใสเยือกเย็น ปัญญาจะได้เกิดขึ้นง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-07-2009 เมื่อ 12:57
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา