"อาตมากำลังบำเพ็ญเพียรเพื่อละทุกข์ทั้งปวง เสือเองก็อยู่เย็นเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยโดยความสวัสดีเถิด"
แผ่เมตตาให้เสือมหึมาแล้ว ท่านยังเปิดโอกาสให้เสือร้ายได้กินเป็นภักษาหาร คือไม่ปิดกั้น
"อาตมาหากเคยมีเวรานุเวรกับเสือนี้ เมื่อเสือยังจองเวรอันเคยทำกันมาแต่ชาติปางก่อน เสือจงสบายใจกระโดดเข้ามาจับอาตมากินให้คลายความขุ่นแค้นเสียเถิด"
สิ่งประหลาดน่าพิศวงอุบัติขึ้นในฉับพลัน.....
เสือใหญ่มหึมากระโจนพรวดย้อนกลับไปทางเดิม เผ่นโผนโจนทะยานขึ้นไปบนภูเขา ก่อนจะลับหายไปในความมืดของรัตติกาล
"หลวงปู่ครูบาธรรมชัย" เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดรู้ในภายหลังว่า เสือใหญ่ตัวนี้คือเทพยดาจำแลงแปลงกายมาทดสอบกำลังจิตของท่าน แต่ถ้ามีจิตหวาดเสียวแม้แต่สักนิด จะโดนข่มขวัญจนขนพองสยองเกล้าทีเดียว
เรื่องความลี้ลับมหัศจรรย์ในป่าดงดิบสมัยกว่า ๖๐ ปีที่แล้ว เมืองไทยเราแค่ก้าวออกจากหมู่บ้าน คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ทั้งสัตว์ดุร้าย และสัตว์อาถรรพ์ ตลอดจนภูตผีปีศาจ เป็นสิ่งที่ผู้เดินเข้าสู่ป่าจำต้องระมัดระวังตนเองตลอดเวลา เพราะสามารถหาเหตุเดือดร้อนใส่ตัวได้ง่าย ๆ แค่ปัสสาวะรดจอมปลวก รดโคนไม้ใหญ่อายุเป็น ๑๐๐ ปี ครั้นกลับถึงบ้านล้มป่วยด้วยโรคลึกลับหาสาเหตุไม่ได้ว่าป่วยเป็นอะไร กว่าจะคืนสู่สภาพเดิมนานนับเดือน เผลอ ๆ ล้มตายไปในที่สุด ด้วยเหตุจากความเลินเล่อประมาทกับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั่นเอง
วันหนึ่ง ครูบาธรรมชัยในวัยกลางคนออกจาริกธุดงค์ไปยังถ้ำเชียงดาว
เส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านไปในป่าชาวบ้านเรียกว่า "ป่าปางหก" ซึ่งเป็นดงดิบ เต็มไปด้วยงูเงี้ยวเขี้ยวขอเลื้อยเพ่นพ่านยั้วเยี้ยไปหมด มีที่เลื้อยอยู่ตามซอกหลืบของต้นไม้ใหญ่ หรือบนคาคบไม้ซึ่งขึ้นไปม้วนพันตัวอยู่ สัตว์หรือมนุษย์พลัดหลงเข้าทาง จะทิ้งตัวลงมารัดทันที เป็นมหาภัยของคนย่านนั้น หากไม่จำเป็นขั้นสุดขีดไม่มีใครอยากเดินผ่านป่าปางหก
เพลานั้นใกล้มืดค่ำลงเต็มที ครูบาธรรมชัยจำเป็นจะต้องรีบเดินตัดป่าปางหกไปให้ถึง "บ้านปาง" อำเภอเชียงดาว ให้ได้ จึงไม่ปักกลดพักค้างแรมก่อนจะถึงดงงู
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 18-01-2010 เมื่อ 15:11
|