เมื่อสภาพจิตสงบ ก็ให้พยายามยกวิปัสสนาญาณขึ้นมาพิจารณา ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก จะเบื่อไม่ได้ จะหน่ายไม่ได้ จนกว่าสภาพจิตของเราจะยอมรับจริง ๆ ว่า ร่างกายนี้ไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา
เมื่อยอมรับสภาพจิตก็จะปล่อยวาง ไม่ไปยึดถือในร่างกายนี้ ก็จะไม่ไปยึดถือร่างกายของคนอื่น ไม่ไปยึดถือร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ไปยึดถือวัตถุธาตุต่าง ๆ สิ่งที่จะร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสารก็หมดสิ้นไป เราก็สามารถที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
ดังนั้น...ท่านทั้งหลายเมื่อปฏิบัติภาวนาไปแล้ว จงพยายามที่จะรักษาประคับประคองอารมณ์ใจของตนเอาไว้ แล้วก็ใช้กำลังสมาธินั้นในการพิจารณาวิปัสสนาญาณของเรา จนกระทั่งสภาพจิตสามารถปล่อยวาง หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงอย่างที่เราต้องการ
ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2017 เมื่อ 17:20
|