ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 14-05-2019, 08:58
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,966 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default เรื่องปริยัติและการภาวนา

๑.ผมอ่านเรื่องกรรมในวิกิพีเดีย และเขาอธิบายว่าอโหสิกรรมคือ กรรมที่เลิกให้ผล ไม่มีผลอีก แปลว่าถ้ามีโจรไปขโมยของจากผู้ชายคนหนึ่งแล้วโจรก็สำนึกผิด และผู้ชายคนนั้นก็อโหสิ แปลว่าโจรคนนี้ก็ไม่ต้องเสวยผลแห่งกรรมที่จะทำให้ตกนรก และของหายไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามหรือเปล่าครับ

๑.๑ และผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานที่ถือหอกอยู่ได้เดินสวนกับพระ และนายพรานก็กะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านก็มรณะ ในข้อมูลที่ผมอ่านมา เขาบอกว่าเป็นเพราะอดีตชาติชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน เลยอยากถามว่าถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้จะเกิดทำอย่างไรครับ และถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้องอยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือเปล่าครับ

๒. อุปฆาตกรรม เขาอธิบายประมาณว่าเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก และในพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิตและจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านช่วยสวดมนตร์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ

๓. กรรมสามารถแยกได้ ๓ การกระทำ หนึ่งในนั้นคือ มโนกรรม ไม่ว่าจะคิดดีหรือคิดชั่วจัดว่าเป็นมโนกรรมหมด ผมอยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิด จะเรื่องดีหรือเรื่องเลวหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างผมอยากมีมโนกรรมที่ดี เลยคิดไว้ว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากถามว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศลถ้าตายตอนนั้นก็ไปสู่สวรรค์

๔. อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย ผมอยากทราบว่าการกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันกกรรมครับ เท่าที่ผมทราบคือ การติดหนี้สงฆ์สามารถทำให้เราเห็นภาพไม่ดีตอนจะตายได้ และ การสร้างพระพุทธรูปจะทำให้เราเห็นภาพพระ หรือภาพที่สวย ๆ งาม ๆ ก่อนจะตายได้

๔.๑ ผมเข้าใจถูกหรือไหมครับว่า ถ้าเราทำกรรมจะด้านดีหรือชั่ววาระกรรมจะส่งผลช้าลง และวาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจตนาตั้งใจมากน้อยเพียงใด ใช่ไหมครับ

๕. ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่าTop secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่นถ้าอยากรวยประสบความสำเร็จ ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง และก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก และเขาก็ยกตัวอย่างว่ามี ผู้ชายที่เป็นนักวาดรูป เขาต้องการมีสาว ๆ เยอะ เขาเลยมโนภาพว่ามีตัวเองถูกล้อมรอบไปด้วยสาว ๆ และก็วาดภาพที่อยู่ในหัวออกมา และเขาก็มีสาวเยอะแต่ผมก็ยังไม่เชื่อเพราะอาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้ และในสารคดีอธิบายว่ามันมีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ และผมลองเอาไปเปรียบเทียบพระพุทธศานาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เพราะเหตุนั้น เหมือนเงาตามตัวฉะนั้น แปลว่า ทฤษฎีของฝรั่งอันนี้ก็สามารถเป็นไปได้ใช่ไหมครับ เพราะสามารถสำเร็จด้วยใจได้ หรือว่ามีเรื่องบุญในอดีต มาเกี่ยวด้วยครับ

๖. เวลาผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก และตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิผมก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียงแต่แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ และการเข้าถึงอุปจารสมาธิแต่ละกรรมฐานสามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้หมดหรือเปล่าครับ

๗.ในด้านวิปัสสนา ผมอยากทราบว่า ๑ ในอายตนภายนอกคือธรรมารมณ์ และในวิกิพีเดียเขาอธิบายว่า "สิ่งที่ใจคิด ความคิด จินตนาการ สิ่งที่ใจเก็บมาคิด ที่เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วหน่วงดึงมาเป็นอารมณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ สัมผัสด้วยใจ" ผมสงสัยว่าจิตสังขารกับธรรมารมณ์ คืออันเดียวหรือเปล่าครับ และ ธรรมารมณ์สามารถรับรู้ได้ด้วยใจ ผมเลยสงสัยว่าธรรมารมณ์ ไม่มีวิธีที่จะกันไม่ให้เกิดใช่ไหมครับ

๗.๑ บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทันก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บความคิดพวกนี้มาคิด เพราะสติรู้ทันว่าถ้าเก็บมาคิดจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจจะไม่สงบ พอไม่สงบแล้วก็จะคิดไปอีกยาวไม่มีจุดจบ บางครั้งผมก็รู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณสติ ผมอยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา จะมีวิธีแก้แบบถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ

๗.๒ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟ คือ ราคะ โทสะ และ โมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากผมทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก และจิตใจมันเบามาก มันไม่หนักอะไรเลยครับ ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ท่านไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้วเวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่าครับ และพระอรหันต์ท่านเข้าฌานเป็นปกติหรือเปล่าครับ

๗.๓ ผมอ่านมาว่าพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติเพื่อเสวยสุขเพื่อสงเคราะห์ญาติโยม ผมอยากถามว่านิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุขอันไหนสุขกว่ากันหรือครับ หรือสุขเท่ากันครับ

๘. หนึ่งในสัปปายะ ๗ คือ การที่ได้กินอาหารที่เหมาะสม ผมอยากทราบว่าพอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้ว ช่วยส่งผลให้ปฎิบัติก้าวหน้าไหมครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 19-05-2019 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา