"ตอนอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุง บารมีพระท่านสงเคราะห์ลงมา เวลาไปซักซ้อมการรู้เห็นอะไรก็จะชัดเจนมาก เมื่อมีโอกาสซักซ้อมอยู่บ่อย ๆ ก็มีความคล่องตัว แล้วก็ไปซ้อมที่หลวงปู่ธรรมชัย ก็แปลว่าเดือนหนึ่งอย่างน้อยได้ซ้อม ๒ รอบใหญ่ ๆ ก็คือ ตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงมาบ้านสายลม กับหลวงปู่ธรรมชัยไปบ้านคุณประดิษฐ์ที่สมุทรปราการ
หลวงปู่ธรรมชัยจะต้องตรวจรักษาโรค เวลาคนมาหาท่านต้องจับสายสิญจน์ที่วางบนพาน หลวงปู่ก็จะบอกว่าเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร เป็นมากี่วัน กี่เดือน กี่ปี ต้องใช้ยาอะไร ซึ่งพระเลขาต้องเขียนเร็วมาก เพราะหลวงปู่ท่านพูดไปเรื่อย ๆ อาตมาก็ไปนั่งซ้อม ปรากฏว่าป่วยมากี่ปีพอจะบอกได้ถูก แต่พอกี่เดือนกี่วันมักจะพลาด เพราะว่าวิสัยไม่ได้มาทางด้านนี้ ไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น
ซ้อมไปอยู่เป็นปี ๆ มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่าทิพจักขุญาณของหลวงปู่ธรรมชัยเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ ท่านบอกว่า "หลวงปู่เกิดมาเพื่อรักษาโรค ถ้ารู้สมมุติฐานไม่ละเอียดก็รักษาไม่ได้ เอ็งไม่ต้องไปแข่งกับท่านหรอก" เพราะฉะนั้น..ประเภทที่แพ้ยับเยินมาทุกงานนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ปัจจุบันที่คนโน้นก็บอกว่ารู้ชัด คนนี้ก็บอกว่ารู้ชัด อาตมาไปเจอหลวงปู่นี่เยินมาเยอะแล้ว ไม่ติดฝุ่นท่านเลย
หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า แรก ๆ ท่านก็ต้องช่วยรักษาโรค เพราะคนเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมาก็จะมาพึ่งพา ตนเองเป็นพระก็ต้องสงเคราะห์เขา แต่พอเห็นหน้าหลวงปู่ธรรมชัยก็รู้ว่าเจ้าของงานมาแล้ว โล่งอกไปที ภายหลังเวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็แนะนำไปหาหลวงปู่ธรรมชัยก่อน
หลวงปู่ธรรมชัยท่านเมตตาเหลือเกิน อาตมาต้องคอยอาละวาดไล่คนอยู่เรื่อย เพราะคนเราต้องการประโยชน์ของตัวเอง ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านนั่งสงเคราะห์โยมตั้งแต่เช้าจนจะเที่ยงอยู่แล้ว เขาก็ยังรุมกันแน่นไปหมด ต้องไล่ไป..บอกว่าให้หลวงปู่ได้ฉันเพลก่อน ทางด้านคุณประดิษฐ์ก็บอกว่าเป็นอย่างนี้แหละ หลวงปู่อดฉันเพลประจำ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:21
|