ดูแบบคำตอบเดียว
  #352  
เก่า 01-09-2016, 19:06
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ถูกนายพรานด่าว่า

“... สมัยที่เราพักอยู่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มันเป็นกรรมบันดาลอย่างไรไม่ทราบ.. พูดถึงสัตว์กับพระนี้รู้เข้าใจกันมากทีเดียว ผ้าสีเหลืองหม่นของพระไปไหนไม่เป็นภัยต่อใคร ๆ เราไปอยู่ในป่าในเขาก็มีพวกสัตว์นี้เข้ามาอยู่ด้วย คือว่ามันอยู่ข้างนอกมันกลัวนายพราน กลัวพวกสัตว์ด้วยกัน เช่นเสือร้ายมาเอาไปกินบ้าง คนฆ่าบ้าง ถ้ามาแอบอยู่กับพระย่อมปลอดภัย ไม่ค่อยเป็นอะไร

เราไปพักคนเดียวในป่าเป็นที่ดงลุ่ม ๆ พวกเนื้อ พวกอีเก้ง พวกหมู พวกเสือ พวกหมีเต็มอยู่ในนั้น เห็นว่าที่นั่นมันสงัด ห่างจากหมู่บ้านกิโลกว่า ๆ ไม่ไกลนัก บางบ้านก็ ๒ กิโล บิณฑบาตกับเขาพอได้อาศัย

ขณะนั้นมีพวกนายพรานมาหาล่าเนื้อ เขาดาหน้ากระดานล้อมโอบป่าเข้ามา นายพรานดักอยู่ข้างหน้า ด้านกลางเป็นบริเวณสัตว์อยู่แล้วพวกนี้ไล่ดาหน้าเข้าไป เคาะไม้เคาะอะไรไป ร้องโหวกเหวก ๆ ไป เพื่อไล่ล่าเนื้อให้ไปรวมอยู่ในจุดเดียว

เราก็อยู่ที่ป่านั้น ล้อมเข้ามาจนกระทั่งถึงที่พักเรา มันทำให้เราสลดสังเวชเหลือประมาณ เราก็ดู ... บ้านเราเมืองเรามีศาสนา ถ้าเป็นคนไม่รู้เรื่องเราก็จะบอก นี่มันรู้เรื่องแล้ว มันแกล้งเฉย ๆ เราก็เลยไม่สนใจ ... เพียงคิดในใจว่า

‘เอ! บ้านนี้เมืองนี้ มันเป็นยังไงกันนะ คนเราก็ต้องมีความละอายแก่ใจ เกรงกลัวต่อบาป จะมาหาล่าสัตว์บริเวณพระอยู่ได้ยังไง โอ้!.. ชาวบ้านนี้ ช่างหยาบหนาเสียจริง ๆ’


พวกนายพรานเขามีข้อกติกากัน คือใครไปตรงไหนให้ไปตรงนั้น ไปที่อื่นไม่ได้ เวลาล่าเนื้อ เขามีกติกาอยู่ ๒ อย่าง ๑) นายพรานยิงไม่ถูกเขาเฆี่ยนนายพราน ๒) ถ้าลูกน้องไล่ไปไม่ตรงตามจุดที่เขาทำเครื่องหมายต้องถูกเฆี่ยน เพราะฉะนั้น พวกสัตว์และพวกพรานมันจึงมาถึงที่ที่เราพักอยู่

ไอ้นายพรานคนหนึ่ง เดินจ๊อกแจ๊ก ๆ มายืนอยู่ข้างหน้า มันโกรธที่พวกเนื้อตื่นหนีจึงตะโกนชี้หน้าด่าเป็นภาษาอีสานว่า ‘พระห่ากินหัวมึง! มึงมาอยู่ตายหยังบ่อนนี้! กูจะเอาปืนยิงหัวมึง มึงบ่ฮู้จักบ่อนไล่เนื้อคนหรือ? (พระห่ากินหัว มึงมาอยู่ตายทำไมตรงนี้ กูจะเอาปืนยิงหัวมึง มึงไม่รู้จักสถานที่ล่าเนื้อคนหรือ)

มันด่าว่าแล้วมันก็ไป มันไม่ยิงหัวเราหรอก มันด่าว่าเฉย ๆ แต่กริยามันอุจาด เราก็เฉย พวกลูกน้องได้ยินมันพูดอย่างนั้นก็ยืนฟังหน้าแห้ง เพราะมีบางคนที่เขาเคารพพระ เป็นแต่เพียงนายสั่งให้ไปอย่างไรก็ไปอย่างนั้น หลีกไม่ได้เขาจะเฆี่ยน

สักประเดี๋ยว ... ผู้เฒ่าซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากที่ดูแลเราก็เข้ามา แกจึงไปขนาบพวกนั้น พูดเสียงดังเหมือนกันว่า ‘พวกห่ากินหัวสู ครั้นสูหิวสิตาย สูเป็นหยังบ่เอางัวอยู่คอกกูมาฆ่ากิน สูมาไล่อีหยัง ไล่เนื้อพระวัดพระวา ครูบานี่ กูตั๊วเป็นผู้เอามา เอาเพิ่นมานี่’ (พวกห่านี่ ... ถ้าพวกมึงหิวเนื้อจนจะตาย ทำไมไม่เอาวัวในคอกกูมาฆ่ากิน ทำไมจึงมาไล่ฆ่าสัตว์ในวัดในวา พระรูปนี้ กูเป็นคนไปนิมนต์ท่านมา) พวกพรานฟังแกด่าว่าแล้วก็เฉย บ่ปาก (ไม่พูดอะไร)

ต่อมาอีกไม่นานนักประมาณเกือบ ๆ อาทิตย์ ... ไฟได้ลุกลามไหม้บ้านและยุ้งข้าวของนายพรานคนที่ด่าเราจนเกลี้ยงหมด ทั้ง ๆ ที่เขานอนอยู่บ้านในเวลากลางวันแสก ๆ ไหม้ก็ไหม้เฉพาะบ้านและยุ้งข้าวของแกหลังเดียวเท่านั้น แล้วหลวงก็ปรับสินไหมอีกในฐานละเมิด คือดูแลยุ้งข้าวไม่ได้

ต่อจากนั้นอีก... พอตกเดือนพฤษภาคม แกไปทอดแห ไปได้ปลามาแล้ว เดินไปเก็บใบมะขามอ่อนมาต้มใส่ปลา จึงปีนขึ้นต้นมะขาม ขณะปีนพลาดตกลงมาโดนเสาโคนรั้วปลายแหลม ๆ เสียบตูดทะลุ ตายคาที่

พวกชาวบ้านมาเห็นดังนั้น ก็ร้องเรียกบอกข่าวกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ‘มันจะตายกันทั้งบ้าน ไอ้พวกที่ไปหาไล่เนื้อขู่ยิงพระ’ จึงกลัวกันจนจะเป็นบ้าไปเลย

นี่มันเป็นสิ่งน่าคิด ... น่าพิจารณาเราพูดตามเรื่อง ความจริงมันเป็นอย่างนั้น เรื่องศาสนานี่สำคัญอยู่นะ เป็นเรื่องลึก ๆ ลับ ๆ อยู่ ผ้าเหลืองนี้จึงมีอำนาจอยู่ลึก ๆ นะ ... เพราะธรรมเหนือวิทยาศาสตร์ เรื่องบุญเรื่องกรรมเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2016 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา