พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เป็นการรับสังฆทานและสอนกรรมฐานที่บ้านวิริยบารมีแห่งนี้เป็นวันสุดท้าย เดือนหน้าหรือปีหน้าก็ไปเจอกันที่บ้านเติมบุญ ข้างสถานีรถไฟฟ้าบางรักใหญ่ นนทบุรี
ในส่วนของการโยกย้ายสถานที่ พวกเราส่วนหนึ่งก็เกิดความหวั่นไหว ต้องบอกว่าเสียทีที่ปฏิบัติธรรมกันมานาน เพราะเรื่องแค่นี้เรายังปล่อยให้กระทบกำลังใจเราได้ ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่หนักกว่านี้ ก็ย่อมจะทำให้เรามีความหวั่นไหวมากยิ่งขึ้น
การปฏิบัติธรรมของเราต้องมีความมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ และเคยชินกับ 'สิ่งธรรมดา' อย่างที่เขาพิจารณากันว่า เราต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง เพราะถ้าเราไปฝืนก็เป็น 'การฝืนธรรมชาติ ฝืนธรรมดา' ฉะนั้น...ถ้าหากเห็นธรรมดาได้ ก็จะรู้ว่าธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้ ในเมื่อรู้ว่าธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้ เราสามารถปล่อยได้ วางได้ กำลังใจของเราจะก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่ง ก้าวเข้าไปส่วนของสังขารุเปกขาญาณ ซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักปฏิบัติธรรมที่จะต้องมีไว้
ถ้าไม่มีในสังขารุเปกขาญาณ เราก็ยังต้องกระทบกระทั่งกับผู้อื่น กับสัตว์อื่น กับสิ่งของ กับสถานที่ กับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะยังมีความรักชอบเกลียดชังเป็นปกติ โดยเฉพาะบางอย่างที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานของเรา เป็นอนุสัยกิเลส เรารู้ไม่เท่าทัน อย่างเช่น ความหัวดื้อ ความรั้น ไม่ฟังใคร เป็นต้น ถึงเวลาต่อให้เขายกเหตุผลมาร้อยแปด เราก็ไม่ฟัง ถ้าลักษณะอย่างนั้นโอกาสที่จะกลายเป็นปทปรมะ คือ บุคคลที่สงเคราะห์ไม่ได้ โปรดไม่ได้ เพราะว่ารู้มากเกินไป ก็จะเกิดขึ้นแก่เรา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2016 เมื่อ 11:26
|