ในเรื่องของเนกขัมมบารมี พระองค์ท่านนอกจากเสด็จออกบวชในปี ๒๔๙๙ แล้ว พระองค์ท่านก็ยังคงสร้างบารมีในลักษณะของนักบวชหัวดำ เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านประหยัดมัธยัสถ์ต่อตนเองยิ่งกว่านักบวชที่ถือศีล ๒๒๗ ข้อ ก็แปลว่าในส่วนของเนกขัมมบารมีคือการออกจากกามนั้น พระองค์ท่านทำตัวห่างออกมาพอ ๆ หรือว่ามากกว่านักบวชทั่วไปเสียอีก
ในด้านของปัญญาบารมีนั้น พระองค์ท่านใช้ปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ปัญญาทางโลกสิ่งที่พระองค์ท่านค้นคว้ามากลายเป็นสิ่งสำคัญของโลก อย่างเช่นวิธีการทำฝนเทียม กังหันน้ำชัยพัฒนา วิธีการปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินมีสภาพความพอเหมาะพอสมต่อการเกษตรในแต่ละพื้นที่ จนกระทั่งต่างประเทศให้การยอมรับ องค์การยูเนสโกประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพระปัญญาที่ใช้ในทางโลก
ส่วนในทางธรรม พระองค์ท่านนั้นเข้าถึงธรรมลึกซึ้งมาก มีปัญญามาก นำเอาหลักธรรมมาใช้ในการปกครองประเทศโดยไม่มีกลิ่นอายบาลีอยู่เลย เราจะเห็นว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านใช้นั้น ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่ผู้ที่ค้นคว้าตำรามาอย่างช่ำชองจริง ๆ บางทีจับไม่ได้เลยว่าพระองค์ท่านตรัสถึงหลักธรรมอยู่ จะเห็นได้ว่าในส่วนของปัญญาบารมีพระองค์ท่านถึงพร้อมทั้งทางโลกและทางธรรม
ส่วนเรื่องของวิริยบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง พระองค์ท่านพากเพียรที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมาตลอด ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์อยู่ เป็นงานที่กระทำไปโดยแทบที่จะไม่ได้เห็นผลง่าย ๆ แต่พระองค์ท่านก็พากเพียรทำมาโดยตลอดไม่ย่อท้อ ๗๐ ปี ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ ทำไปเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เห็นชัดว่าวิริยบารมีของพระองค์ท่านนั้นท่วมท้นล้นแผ่นดิน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2019 เมื่อ 20:57
|