"ปรากฏว่าเดินขึ้นไปเกือบจะถึงขั้นสุดท้าย โผล่พ้นพื้นหอกลองไป เห็นหลวงปู่ท่านเดินเขลงสบายใจอยู่ข้างบน พออาตมาเดินพ้นพื้นท่านก็พลิกตัวขึ้นมา บอกว่า “อ้อ..มาแล้วหรือ ?” ก็กราบท่าน ท่านบอกว่าลงไปคุยกันข้างล่างดีกว่า หลวงปู่ท่านออกลายคนแก่ เพราะตอนนั้นอายุ ๙๙ ปีแล้ว ท่านบอก "อุ้มหน่อย..เดินไม่ไหว.."
คราวนี้หลวงปู่ท่านตัวนิดเดียว อาตมาสังเกตดู พระที่อายุหลักร้อย องค์เล็ก ๆ ทั้งนั้นไม่มีตัวใหญ่ ไม่ทราบเหมือนกันว่าแก่แล้วกระดูกหดหรืออย่างไรไม่รู้ หลวงปู่บุดดาก็องค์นิดเดียว หลวงปู่ทองเทศก็องค์นิดเดียว หลวงปู่น้อยก็องค์นิดเดียว ในเมื่อท่านให้อุ้ม อาตมาไม่เห็นว่าหนักก็อุ้มท่านลงมา เปิดประตูข้างหลังให้ท่านนั่งที่เตียง มีโยมเขานั่งรอกันอยู่ ไปนึกขำตรงนั้น บันได ๒๐ กว่าขั้นท่านขึ้นไปได้อย่างไรตอนที่คนไม่เห็น แต่ตอนคนเห็นนี่ต้องอุ้ม ก็ลักษณะเดียวกัน ถ้าคนไม่เห็นท่านก็ทำนั่นทำนี่ของท่านได้ ถึงเวลาคนเห็นท่านก็ต้องยอมเป็นคนแก่
หลวงปู่น้อยมรณภาพไปหลายปีแล้ว แถวนั้นตอนนี้ก็เหลือหลวงปู่เปลี่ยนกับครูบาเทือง หลวงปู่เปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก ดูท่าว่าท่านจะโดนหนักกว่าอาตมา จนป่านนี้แล้วหน้าตายังไม่แก่เลย อายุน่าจะ ๘๐ ปีได้แล้ว ส่วนหลวงปู่ทองเทศอยู่วัดท่าซุง มรณภาพตอนอายุ ๑๐๒ ปี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2014 เมื่อ 17:21
|