ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 31-08-2015, 17:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื้อหาใจความมีว่า การทรมานตนเองก็ดี การทำตนเองให้ได้รับความสุขสบายมากจนเกินไปก็ดี เป็นส่วนที่บรรพชิตทั้งหลายไม่ควรไปเกี่ยวข้อง การที่จะบรรลุมรรคผลได้นั้น ต้องปฏิบัติในมัชฌิมาปฏิปทา ก็คือหนทางสายกลาง ซึ่งประกอบไปด้วยสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ไปลงที่สัมมาสมาธิ เป็นต้น เมื่อย่อลงแล้วจัดอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพราะว่าสัมมาวาจา การพูดดีพูดถูก สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ สัมมากัมมันตะ การกระทำที่ถูกต้องนั้น จัดว่าเป็นศีล

ส่วนสัมมาวายามะ ความเพียรที่ถูกต้อง สัมมาสติการตั้งสติไว้ถูกต้อง และสัมมาสมาธิ การทำสมาธิที่ถูกต้องนั้น เป็นส่วนของสมาธิ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ และสัมมาสังกัปปะ การดำริชอบ จัดเป็นปัญญา ดังนั้น มรรค ๘ ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อย่อลงมาแล้ว จึงเป็น ปัญญา ศีล และสมาธิ แต่พวกเราเคยชินกับคำว่า ศีล สมาธิ และปัญญา มากกว่า

เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะซึ่งเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ ได้ฟังองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาแล้ว พิจารณาตามไปก็เกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ดับไปด้วย บรรดาพรหมเทวดาทั้งหลาย เมื่อเห็นว่ามีพระภิกษุสงฆ์ คือผู้ที่ตรัสรู้ธรรมตามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วแล้ว ก็เกิดปีติอย่างยิ่ง ทำการอนุโมทนาสาธุการขึ้นมา จนแผ่นดินไหวหวั่นสะท้านสะเทือนไปทั่วทุกทิศ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2015 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา