ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 03-07-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,414,053 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทางวัดท่าขนุนมีโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งอาทิตย์นี้ต้องบอกว่าโชคดีมาก เนื่องจากว่าฝนฟ้าเว้นให้ในเวลาที่บิณฑบาต แล้วขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวก็ไปใส่บาตรกันเยอะมาก

แต่ว่าส่วนหนึ่งที่เป็นห่วงก็คือ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย คงจะไม่ทราบว่าทางด้านอำเภอทองผาภูมิของเรา เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ กำลังระบาดหนัก ถ้าหากว่าได้รางวัลใหญ่กลับบ้านไป ก็ต้องถือว่าเป็นผู้ที่โชคดีเป็นอย่างยิ่ง..!

มาขนาดนั้นแล้ว เมื่อพระกลับไปถึงวัด ระหว่างที่ฉันเช้าอยู่จวนจะเสร็จเรียบร้อย ก็ยังมีนักท่องเที่ยวหลายท่านฝ่าเขี้ยวหมาวัด เพื่อที่จะเข้ามาถวายอาหารถึงในหอฉัน แถมยังตำหนิด้วยว่าพระออกบิณฑบาตเร็วเกินไป เขาตื่นไม่ทัน ตรงจุดนี้ทำเอาพระวัดท่าขนุนทำท่า "น้ำตาจิไหล..!"

ญาติโยมทั้งหลายมักจะลืมไปว่า พระภิกษุสามเณรของเรานั้น งดอาหารหลังเวลาเที่ยงวันไปแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็เหลือแต่น้ำร้อนอย่างเดียว ไม่ได้ฉันอย่างอื่นเลย เนื่องเพราะว่าไม่เคยรับน้ำปานะใด ๆ ที่เป็นของหวาน ทำให้อายุจนป่านนี้ย่างเข้า ๖๕ ปีแล้ว ยังไม่ได้เป็นโรคทันสมัย คือเบาหวานกับใคร กว่าที่จะไปถึงตอนช่วงเช้า ตีเสียว่าแค่ ๖ โมงเช้า ญาติโยมก็ต้องเข้าใจว่าเป็นระยะเวลา ๑๘ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ที่พระไม่มีอาหารตกถึงท้อง ซึ่งการออกบิณฑบาตก็ไม่ใช่ว่าจะออกได้ตามใจตนเอง เนื่องจากต้องรอให้ "ได้อรุณ" เสียก่อน

การ "ได้อรุณ" นั้น ถ้าถือตามแบบโบราณ ก็คือต้องให้ "แสงทองแสงเงิน" ขึ้นเสียก่อน แต่คนเราส่วนใหญ่มักจะไปใช้คำว่า "แสงเงินแสงทอง" เนื่องเพราะว่าแสงอาทิตย์แรกที่จับขอบฟ้ามักจะเป็นสีแดงหรือว่าสีเหลืองขึ้นมา จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่าง จึงเป็นสีขาวหรือว่าสีเงิน ตอนนั้นถึงจะสามารถออกบิณฑบาตได้ตามพระวินัยที่ปฏิบัติกันมา หรือว่าครูบาอาจารย์บางท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า "ถ้ามองต้นไม้แล้ว สามารถแยกใบอ่อนใบแก่ได้ ก็แปลว่าได้เวลาที่จะออกบิณฑบาตแล้ว"

เพียงแต่ว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน ถ้าหากเรารอที่จะให้ได้อรุณ หรือว่าแสงเงินขึ้นอย่างแท้จริง บางทีก็คงจะต้องรอไปจนตอนบ่ายเลย เนื่องเพราะว่าทองผาภูมินั้นก็อยู่ในลักษณะ "ฝนแปดแดดสี่" ก็คือมีหน้าฝนช่วงยาวมาก ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้มอยู่ทั้งวัน หรือบางทีก็ฝนตกพรำอยู่ทั้งวัน จึงต้องกำหนดเวลาในการออกบิณฑบาตเอาไว้

ซึ่งเวลาที่ช้าที่สุดในช่วงฤดูหนาวนั้น ทางวัดท่าขนุนของเราจะออกบิณฑบาตตอน ๐๖.๑๕ น. ถ้าหากว่าเป็นเวลาที่เร็วที่สุดในช่วงฤดูร้อน ก็ออกบิณฑบาตประมาณ ๐๕.๓๐ น. เป็นต้น ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้พินิจพิจารณาแล้วว่า ระยะเวลา
ในแต่ละช่วงฤดูนั้น เป็นเวลาที่ "ได้อรุณ" แล้วจริง ๆ ถึงได้ออกบิณฑบาตกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2023 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา