ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-04-2019, 22:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนคำภาวนานั้นเป็นเพียงเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ เราจะรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียวโดยไม่ใช้คำภาวนาก็ได้ หรือว่าเราจะใช้คำภาวนาแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพุทโธ สัมมาอะระหัง พองหนอ ยุบหนอ นะมะพะธะ ตลอดจนกระทั่งตัวบทพระคาถาใด ๆ ที่เราชอบใจก็ได้ทั้งสิ้น สำคัญตรงที่ต้องไม่ลืมลมหายใจเข้าออก

ถ้าท่านสามารถทำได้อย่างนี้ โอกาสที่จะเข้าถึงอัปปนาสมาธิ คือสมาธิที่ทรงตัวแนบแน่นตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดขึ้นไป จนถึงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ จึงจะสามารถเกิดขึ้น มีขึ้นได้ เมื่อท่านทรงสมาธิแล้วก็อย่าลืมคลายกำลังใจออกมา แล้วพิจารณาด้วยปัญญา อย่าภาวนาอย่างเดียว เพราะว่าจะเป็นการทำแล้วทิ้ง ซึ่งจะทำให้กดกิเลสได้เพียงชั่วคราว แต่การใช้ปัญญาพิจารณา ถ้าสามารถตัดละได้ เราจะชนะกิเลสอย่างถาวร

การพิจารณาคือมองให้เห็นว่า ร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี วัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายตัวไปในที่สุด ถ้าเราไปยึดมั่นถือมั่นเราก็จะเป็นทุกข์ โดยเฉพาะความทุกข์ตามสภาวะ หนาว ร้อน หิว กระหาย เจ็บไข้ได้ป่วย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ เป็นต้น มีแก่เราอยู่ตลอดเวลา มีแก่มนุษย์ทุกรูปทุกนาม มีแก่สัตว์ทุกตัวทุกหมู่เหล่า มีแก่วัตถุธาตุทุกชิ้น

และท้ายที่สุดไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายได้ เพราะว่าเมื่อแยกแยะออกมา ก็เป็นเพียงส่วนประกอบของ ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น ตึกรามบ้านช่องหลายสิบชั้น หรือเป็นร้อยชั้น ก็เป็นส่วนประกอบของ ดิน น้ำ ลม ไฟ พอแยกแยะออกมา นี่คือทราย นี่คืออิฐ นี่คือปูน นี่คือเหล็กที่เป็นโครงสร้าง เป็นต้น แล้วเราก็จะได้เห็นชัดเจนว่า ร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราอย่างแท้จริง ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์
ดังนั้น...กำลังใจสุดท้ายก็คือ เราไม่ปรารถนาการเกิดมามีร่างกายนี้อีก ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานเพียงที่เดียว


ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2019 เมื่อ 22:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา