ดูแบบคำตอบเดียว
  #27  
เก่า 01-05-2016, 14:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น...จำไว้แม่น ๆ ว่าเร่งรัดในส่วนของขันติและวิริยะให้มากไว้ ถ้ามีความอดทนอดกลั้น มีความพากเพียรที่จะปฏิบัติมุ่งมั่นต่อเป้าหมายจริง ๆ มรรคผลไม่ใช่สิ่งที่เกินความสามารถของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราขาดตกบกพร่อง แล้วในส่วนที่บกพร่องเป็นอย่างยิ่งก็คือไม่รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน แต่จะว่าไปแล้วอาตมาก็เหมือนอย่างกับคนดูมวย เห็นมวยชกบนเวทีก็รู้ว่าตรงไหนบกพร่อง ตรงไหนเป็นจุดอ่อน แต่ว่าคนที่กำลังชกอยู่บนเวทีดูไม่ออก

เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าพี่เลี้ยงกับคนดูจะเก่งที่สุดในระหว่างที่ชกมวย ให้คำแนะนำได้ทุกอย่าง แต่ว่านักมวยที่อยู่ในสถานการณ์จริงบนเวที บางทีก็คิดไม่ทัน ทำไม่ทัน ต่อให้พี่เลี้ยงตะโกนบอกอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ เราจึงต้องหยุดตัวเองให้เป็น ถ้าหยุดตัวเองไม่เป็นโอกาสชนะกิเลสก็จะไม่มี การที่เราหยุดตัวเองคือตาเห็นรูปสักแต่ว่าเห็น หยุดไว้อย่าไปคิดต่อ หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิดแบบเดียวกันหมด ก็คือหยุดไว้อย่าไปคิดต่อ

เพราะถ้าคิดต่อเมื่อไรก็จะเป็นชอบใจกับไม่ชอบใจ ความชอบใจจัดอยู่ในเขตของราคะ ความไม่ชอบใจจัดอยู่ในเขตของโทสะ ก็แปลว่าเราโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ถ้าหากว่าเราเห็นสักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส สักแต่ว่าสัมผัส ไม่นำมาคิด เวรกรรมที่จะเกิดขึ้นจากกาย จากวาจา จากใจของเราก็ไม่มี ไม่ต้องไปหนักใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะเราไม่สร้างเหตุ ผลก็ย่อมไม่เกิดอยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2016 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา