การที่เราจะรู้ระมัดระวังก็ต้องรู้จักหน้าตาของนิวรณ์ ๕ อย่าง อย่างแรกคือกามฉันทะ ความยึดมั่นอยู่ในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ตัดไม่ได้ ละไม่ได้ วางไม่ได้ แม้กระทั่งตอนปฏิบัติธรรมก็ยังคงฟุ้งซ่าน ตรึกนึกถึงอยู่ในเนือง ๆ
ข้อที่ ๒ คือ พยาบาท ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น ผูกโกรธ จดจำไปนาน เป็นการดองกิเลสเอาไว้ในใจของเรา
ข้อที่ ๓ ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ความขี้เกียจไม่อยากปฏิบัติธรรม พยายามหาเหตุผลดี ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอที่จะไม่ต้องปฏิบัติธรรม
ข้อที่ ๔ อุทธัจจกุกกุจจะ เป็น ๒ อารมณ์รวมกันอยู่ในข้อเดียว ก็คืออุธัจจะ ความฟุ้งซ่าน กับ กุกกุจจะ ความหงุดหงิดรำคาญ ปฏิบัติธรรมเมื่อไรก็จะฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่น รัก โลภ โกรธ หลง ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เสร็จแล้วก็จะมาหงุดหงิดรำคาญใจว่า ทำไมไม่สงบเสียที ? ทำไมไม่นิ่งเสียที ?
ท้ายสุด คือ วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ จะดีจริงไหมนะ ? ทำแล้วจะได้อย่างคนอื่นเขาไหมนะ ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2019 เมื่อ 02:31
|