ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 09-05-2012, 08:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราจะละเว้นจากโลภะได้ ก็คือการที่เราประกอบกองบุญการกุศล นั่นคือการให้ทานในวาระต่าง ๆ นั่นเอง อย่างเช่นว่าวันนี้ ญาติโยมทั้งหลายเดินทางมายังวัดท่าขนุนแห่งนี้ ท่านทั้งหลายก็ได้นำเอาข้าวปลาอาหาร ตลอดจนเครื่องสังฆทานมา เพื่อถวายให้แก่พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ กว่าญาติโยมจะหามาได้ ก็ต้องสละเงินทองที่ตนเองหามาด้วยความเหนื่อยยาก ไปซื้อ ไปหา ไปปรุงขึ้นมา แล้วก็นำมาถวายต่อพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

สิ่งที่เราหามาโดยยาก เรายังสละออกได้ ก็แปลว่าเราสามารถตัดความโลภในใจไปได้ส่วนหนึ่ง ถ้าหากว่าเราทำบ่อย ๆ ทำเป็นประจำ ทำจนเคยชิน การที่จะตัดความโลภด้วยทานสำหรับเราก็เป็นเรื่องง่าย ถ้าหากว่าท่านที่ไม่สามารถที่จะกระทำได้ เพราะว่าไม่เคยชินกับการกระทำทั้งหลายเหล่านี้ ญาติโยมก็จะเห็นว่า เขาทั้งหลายเหล่านั้น แม้แต่จะใส่บาตรก็คิดแล้วคิดอีก จะสละปัจจัยไทยธรรมสักเล็กน้อย เพื่อประกอบกองบุญการกุศลใด ๆ ตาม ที่เราเคยไปเรี่ยไร ไปบอกบุญ ก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะทำหรือไม่ทำ เพราะว่าจิตใจประกอบไปด้วยมัจฉริยะ คือความตระหนี่ถี่เหนียว สละออกได้ยาก

ก็แปลว่าท่านทั้งหลายที่กระทำสิ่งเหล่านี้ได้โดยง่าย เพราะว่าเราทำจนเคยชิน คำว่าเคยชินในทางพระพุทธศาสนานั้น ก็คืออารมณ์ใจของเราทรงตัวอยู่ในการให้ทานจนเป็นปกติ ก็แปลว่าความโลภจะอยู่ในใจของเราได้น้อยมาก เราก็ได้กระทำการตัดความโลภตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2012 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา