เกี่ยวกับการพิจารณาด้านปัญญา เมื่อผ่านแต่ละขั้นมาถึงอวิชชาซึ่งเป็นสังโยชน์ข้อสุดท้ายของพระอนาคามีก่อนที่จะบรรลุขั้นสูงสุดนั้น ขอยกพระธรรมเทศนาของท่านมาแสดงโดยย่อดังนี้
“... ทีนี้การปฏิบัติเมื่อผ่านขั้นร่างกายนี้ไปหมดแล้ว สุภะก็ไม่ปรากฏ อสุภะอสุภังไม่มีความที่ว่าน่ากล้าน่ากลัวในเรื่องร่างกายก็หมดไป ทีนี้พอเกิดขึ้นมาก็กลายเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นมา เกิดกับดับพร้อม ๆ เรื่องอสุภะอสุภังผ่านไปเลย ๆ สุดท้ายร่างกายก็ไม่มี โลกนี้กลายเป็นโลกว่างไปหมด จากการพิจารณาตั้งแต่ขั้นเริ่มแรก ถือร่างกายเป็นพื้นฐานแห่งการพิจารณา เมื่อพิจารณาอันนี้ชำนิชำนาญเรียบร้อยแล้ว มันก็ไม่มีเขามีเรา ไม่มีหญิงมีชาย มีแต่ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งเขาทั้งเราเสมอกันหมด แล้วจะไปข้องแวะกับอะไร มันก็เดินไปตามสายกลาง ไม่ข้องแวะกับอะไร
จากนั้นก็เข้าสู่นามธรรม พิจารณาร่างกายจนกระทั่งหมด คำว่าหมดนี้เป็นอย่างไร ? ร่างกายนี้ที่เรายังแยกอสุภะอสุภังอยู่ในขั้นนี้ พอผ่านจากนี้แล้ว อสุภะอสุภังจะไม่มี เกิดขึ้นมาพับดับไปพร้อม ๆ เราจะพิจารณาว่าเป็นของสวยงามไม่สวยงามไม่ทัน เพราะอารมณ์ของจิตอันนี้เกิดรวดเร็ว เกิดกับดับพร้อม ๆ ทีนี้เรื่องอสุภะอสุภัง.. ความสวยงามไม่สวยงามผ่านไป ไม่มีเข้าถึงจิต แล้วกลายเป็นจิตอวกาศไปเลยที่นี่ มองดูอะไรมันก็เป็นอวกาศเหมือนฟ้าแลบ เราจะแยกเป็นของสวยของงามไม่สวยไม่งามไม่ทัน ขั้นของจิตที่พิจารณาไปแล้วเป็นอย่างนี้ นักปฏิบัติจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ผู้พิจารณาอย่างเชื่องช้า.. ธรรมดาจะเห็นอย่างละเอียดลออในทางเดินแห่งกรรมฐานเพื่อความพ้นทุกข์ จะเห็นได้อย่างละเอียดลออ จิตขั้นนี้พิจารณาอย่างนี้ ขั้นนั้นพิจารณาอย่างนั้นเรื่อยไป จนกระทั่งถึงจิตไม่มีรูปมีนามแล้ว.. ร่างกายของสัตว์ของบุคคลเป็นอวกาศไปหมด ว่างไปหมด แล้วเราจะพิจารณาอะไรว่าเป็นสุภะอสุภะ ว่าสวยว่างาม ไม่สวยไม่งาม พอตั้งพับก็ดับไปพร้อม ๆ เอาอะไรมางาม อะไรไม่งาม มันดับไปพร้อม นี่ขั้นของจิตแห่งการพิจารณากรรมฐาน พอจากนี้แล้วก็มีตั้งแต่เหมือนแสงหิ่งห้อย เหมือนฟ้าแลบแพล็บ ๆ ๆ เกิดดับ ๆ ๆ จากนั้นก็หมุนเข้าไปหาจิตเพราะออกจากจิต
เวลาจิตยังหยาบอาการเหล่านี้ก็ออกมา ส่วนหยาบ ๆ ว่าเป็นของสวยของงาม ไม่สวยไม่งาม จากนั้นก็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต่อจากนั้นมีแต่เกิดดับ ๆ มันแสดงออกที่จิต.. ดับที่จิต ตามเข้าไปหาจิตนั้นละ..การพิจารณา พอถึงขั้นที่จิตกับอวิชชาอยู่ด้วยกัน เมื่อมีอวิชชานั้นจิตก็หลงจิต หลงตัวเองและหลงสิ่งอื่น ไม่หลงส่วนหยาบ ก็หลงส่วนละเอียด ปล่อยส่วนหยาบ... ส่วนละเอียดยังมันก็พิจารณาตามเข้าไป ตามเข้าไปจนหมด.. ไม่มีอะไรเป็นกิเลส มาม้วนเสื่อกันที่จิต
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2017 เมื่อ 16:52
|