ชื่อกระทู้: การละอุปาทาน
ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 25-07-2009, 09:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,507 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เคยทำอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าเป็นวิธีที่ดีทีเดียว คือพิจารณาว่า เรื่องของ โลภะ โทสะ โมหะ นั้น เป็นสมบัติของร่างกาย เพราะฉะนั้น..ปกติจะต้องมีอยู่แล้ว เอ็งจะมีก็มีไป แต่ข้าไม่ให้ความร่วมมือกับเอ็ง เหมือนที่เคยเปรียบว่า เหมือนลวกก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ส่งไปให้ใครเขาจะกิน

ที่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยชวนกินได้เพราะอะไร ? เพราะเราใส่พริก ใส่น้ำส้ม ใส่น้ำตาล ใส่หมูสับ ใส่ผงชูรส ยิ่งใส่ยิ่งอร่อย ก็เลยกินไม่เลิก เหตุที่กินไม่เลิก เพราะมีการปรุงเพื่อเพิ่มรสชาติ

เรื่องของราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็เช่นกัน ที่เราไม่เลิกไม่ละเว้น ไม่ปล่อยวาง ก็คือ เราไปปรุง ไปคิดเพิ่ม
ในเมื่อเราไปคิดเพิ่ม ก็เกิดอารมณ์ไปทาง ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ แล้วแต่เหตุการณ์นั้น ๆ

ถ้าเกิดเราไม่คิด สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของเขาเอง เราไม่คิดก็เหมือนเราไม่เอาเชื้อไปต่อ ไฟที่จุดขึ้นมาไม่มีเชื้อที่จะต่อ ก็ต้องดับไปเองโดยธรรมชาติ

จริง ๆ แล้ว ถ้าเรารู้เท่าทัน ไม่ให้ความร่วมมือไปนึกคิดปรุงแต่ง เรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง ก็ทำอันตรายเรายาก ที่ทำอันตรายเราได้เพราะเราไปคิด แบบที่หลวงพ่อชาท่านบอกว่า เหมือนกับแทะเนื้อติดกระดูก แทะไปก็ไม่ได้เป็นอรรถเป็นธรรมอะไรขึ้นมาหรอก อร่อยน้ำลายตัวเอง เอาแต่เคี้ยวกรอด ๆ อยู่นั่น เพราะฉะนั้น..ถ้ารู้เท่าทัน เลิกเคี้ยวเสียก็หมดเรื่อง

ถาม : แต่ว่าจิตที่เป็นอุปาทาน ถึงแม้เราจะบอกอย่างไรก็ไม่เชื่อ ?
ตอบ : นั่นแสดงว่ายังยึดอยู่ ในครั้งแรกถ้าปัญญาไม่พอ จะไม่เห็นหรอก ถึงเห็นบางทีก็ยังไม่ยอมรับ ถึงแม้ยอมรับ แต่ถ้ากำลังสมาธิไม่มีไว้ช่วยในการตัดละ ก็เอาไม่อยู่

เพราะฉะนั้น..เรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กันไป ย้ำตอกตะปูไปเรื่อย ๆ ตักน้ำรดหัวตอไปเรื่อย เดี๋ยวก็เปียกเอง

ถาม : แล้วถ้าบอกให้คิด ?
ตอบ : เป็นทางที่ถูก แต่ไม่ใช่บอกเฉย ๆ ให้เห็นจริง ๆ ด้วยว่า สิ่งรอบข้างมีปกติเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะไปทางไหน สิ่งใดที่กระทบ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ อะไรก็ตาม ถ้าสามารถรู้เท่าทันและบอกได้ทุกครั้ง ก็พอที่จะทำให้จิตเชื่อเราได้ แต่ถ้าหากรู้เป็นบางครั้ง ก็แปลว่ายังไม่เชื่อ จึงต้องสร้าง สติ สมาธิ ปัญญา ให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อที่ไอ้ตัวแสบจะได้ยอมเชื่อ แต่ถ้าเป็นตัวแสบจำเป็นก็ไม่ง่ายนะ ...(หัวเราะ)... ค่อย ๆ ย้ำ ตอกตะปูไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็มิดไปเอง



เทศน์ก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2014 เมื่อ 08:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา