ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 30-05-2012, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,743 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มนุษย์หรือสัตว์ทุกผู้ทุกนาม ล้วนแล้วแต่โดนไฟใหญ่ ๔ กองนี้เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวิธีการดับไฟทั้ง ๔ กองนี้ว่า การดับไฟแห่งความโลภนั้น พระองค์ท่านตรัสว่าต้องมีการให้ทานเป็นปกติ ก็คือการที่เราเสียสละให้ปันทรัพย์สินสิ่งของของเรา เพื่อให้แก่คนหรือสัตว์ที่ขาดแคลนอยู่

ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราหามาโดยยาก ย่อมมีความยึดเหนี่ยวหวงแหนเป็นปกติ แต่ถ้าเราสามารถที่จะสละออกได้ ก็แปลว่ากำลังใจของเรานั้น มีการตัดความโลภลงไปได้แล้วบางส่วน และถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำการสละออกเป็นประจำ ก็จะทำให้การสละออกนั้นง่ายขึ้นไปทุกที เพราะว่าความโลภจะมีกำลังน้อยลง แต่ว่าทานบารมีของเราจะมีกำลังมากขึ้น

เมื่อเป็นดังนั้นก็แปลว่าไฟใหญ่กองที่ ๑ ก็คือ ไฟแห่งความโลภ จะถูกเราค่อย ๆ ดับลง ลดน้อยถอยความร้อนลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่เราได้ ก็แปลว่าเราสามารถที่จะดับไฟใหญ่กองแรก ๑ ใน ๔ กองลงได้ ก็ด้วยทานบารมีนั่นเอง

ดังที่ญาติโยมทั้งหลายมาทำบุญสงกรานต์ที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ก็ได้นำข้าวปลาอาหาร ตลอดจนเครื่องสังฆทาน มาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ในบวรพุทธศาสนา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ท่านหามาได้โดยยาก ต้องทำหน้าที่การงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย กว่าที่จะสะสมเป็นเงินเป็นทองขึ้นมา แล้วนำไปซื้อเป็นข้าวปลาอาหารมาหุงหา หรือว่าซื้อของสำเร็จรูปมาถวายก็ตาม ตลอดจนกระทั่งซื้อหาเครื่องสังฆทานมาถวาย เพื่ออำนวยความสะดวกแด่พระภิกษุสงฆ์ ก็แปลว่าญาติโยมทั้งหลาย มีความตั้งใจตัดความโลภเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้น..ขึ้นชื่อว่าไฟแห่งความโลภนั้น ย่อมเผาผลาญญาติโยมทั้งหลายได้น้อยเต็มที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2012 เมื่อ 08:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา