ดูแบบคำตอบเดียว
  #48  
เก่า 10-02-2011, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,503 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "แรก ๆ อาตมาเปิดเสียงตามสายที่วัด โยมเขาโทรมาด่า นอกจากด่าแล้ว เขายังบอกว่า ถ้าไม่เลิก เขาจะแจ้งความว่าเราทำเสียงดังรบกวนในที่สาธารณะ ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย อาตมาต้องรีบไปทำหนังสือขออนุญาตใช้เสียงในที่สาธารณะ

พอเขาโทรมาด่าใหม่ อาตมาก็บอกไปว่า "ตอนนี้โยมไปแจ้งความได้ตามสบาย อาตมาไปทำหนังสือขออนุญาตใช้เสียงไว้แล้ว" หลังจากนั้นมาเขาก็เงียบไปเฉย ๆ พอฟังไปฟังมาก็กลายเป็นเคยชิน และมีโยมหลายรายที่มาปรารภว่า ในระหว่างที่คนอื่นนอนสบายกันอยู่ ตอนตีสามตีสี่ พระเณรท่านแหวกกิเลสขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์กันได้อย่างไร ?

ขณะเดียวกัน เขาเอาเสียงตามสายเป็นสัญญาณนาฬิกาปลุก พอพระสวด..โยโส ภะคะวา.. ก็แปลว่าได้เวลาตื่นแล้ว บ้านนี้จะใส่บาตรก็เตรียมตัวหุงข้าว บ้านนั้นจะไปทำงานก็เตรียมตัวอาบน้ำ หาข้าวหาปลากินกัน พอฟัง ๆ ไปก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว

อย่างสมัยที่อาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พอคนงานคิดว่าจะทำงานต่อ เสียงตามสายของหลวงพ่อดังขึ้น แปลว่าหมดเวลาแล้ว ส่วนอีกอย่างหนึ่งก็คือ พอเปิดเสียงตามสายตอนเย็น เราจะเลี้ยงอาหารหมา พอหมาได้ยินเสียง..โยโส ภะคะวา.. เขาก็จะวิ่งมา เพราะรู้ว่าเป็นเวลากินของเขา กลายเป็นว่าหมูหมากาไก่ทุกตัว ไม่รู้ว่าเสียงสวดนี้คืออะไร แต่เขารู้ว่า ถึงเวลานี้แล้วเขาต้องมา ก็เป็นผลที่เห็นชัด ๆ เหมือนกัน ว่าสิ่งที่เราทำเป็นความดีนั้น เมื่อตอกย้ำเรื่อย ๆ ก็จะฝังลึกลงไปในใจเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2011 เมื่อ 04:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา