ดูแบบคำตอบเดียว
  #12  
เก่า 05-04-2011, 10:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,603
ได้ให้อนุโมทนา: 151,769
ได้รับอนุโมทนา 4,412,323 ครั้ง ใน 34,193 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างที่พูดเมื่อเช้าก่อนบวงสรวงว่า ถ้าปัญญาเกินสติ ก็จะคิดฟุ้งซ่านล่วงหน้าไปหลายต่อหลายอย่างด้วยกัน ขณะเดียวกันก็จะทำให้ลังเลสงสัยว่า ทำความดีแล้วจะได้ผลหรือเปล่า ? แต่ถ้าสติเกินปัญญา ก็จะจด ๆ จ้อง ๆ มัวแต่หวาดระแวงอยู่ เอ..ทำความดีอย่างนี้แล้วมีผลอย่างนั้น ทำความชั่วแล้วมีผลอย่างนั้น เราควรจะเลือกทำกับใคร ? เลือกทำที่ไหน ?

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราไม่ได้ศึกษามาก็จะไม่รู้ และจะเลือกสถานที่ในการทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นการถูกต้อง แต่ว่าผิดในหลักการปฏิบัติ เพราะถ้าเรามัวแต่เลือกสถานที่ เลือกตัวบุคคลอยู่ เราอาจจะไม่ทันได้เจอสถานที่หรือบุคคลที่ต้องการ เราอาจจะเสียชีวิตไปก่อน ไม่มีโอกาสได้ทำความดีก็ได้

ดังนั้น..ในเรื่องของการสร้างบุญกุศล ท่านจึงได้บอกว่า ให้ถวายเป็นสังฆทานไว้ เพราะสังฆะคือหมู่สงฆ์ ผู้รับเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น การที่ผู้รับเป็นเพียงตัวแทน อานิสงส์ที่เราได้รับนั้นเต็มอยู่แล้ว ไม่ว่าผู้รับจะแย่ขนาดไหนก็ตาม

ในธรรมบทได้กล่าวไว้ว่า มหาเศรษฐีนิมนต์พระจากวัดใกล้บ้านไปทำบุญ ท่านถวายสังฆทานด้วยความนอบน้อมเคารพสุดจิตสุดใจ พอยกสังฆทานไปส่งที่วัด พระท่านบอกให้เศรษฐีช่วยส่งขันตักน้ำให้หน่อย ท่านจะล้างเท้า ปรากฏว่าเศรษฐีใช้เท้าเขี่ยให้ พระท่านก็สงสัยว่าทำไมแสดงอาการแบบนี้

เศรษฐีก็เลยบอกว่า ถ้าโดยความประพฤติส่วนตัวแล้วผมไม่เคารพท่าน แต่ที่ให้ความเคารพมากตอนถวายสังฆทาน เพราะว่าท่านเป็นตัวแทนสงฆ์ ซึ่งเป็นตัวแทนสงฆ์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน ท่านจึงต้องเคารพ แสดงว่าเศรษฐีท่านแยกแยะถูกว่าอะไรเป็นอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2011 เมื่อ 10:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา