(ก่อนเป่ายันต์รอบบ่าย) สมัยที่อาตมาอยู่วัดท่าซุง เนื่องจากว่าเป็นช่วงเวลาฝึกฝนปฏิบัติของตัวเอง เพราะฉะนั้น...เรื่องของการก่อสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์ทุกอย่างจะไม่ยุ่งเกี่ยวเลย พอถึงเวลาทำหน้าที่ประจำเสร็จก็เข้าที่ภาวนา ไม่มีเวลา คำว่า "ไม่มีเวลา" ก็คือ ว่างตอนไหนทำตอนนั้น จะกลางวันกลางคืนก็ไม่ว่า
ในเมื่อไม่มีเวลาก็เลยกลายเป็นปฏิบัติแล้วได้เยอะหน่อย เพราะไม่เลือกว่ากลางวันหรือกลางคืน บางทีก็เดินจงกรมยันสว่าง ส่วนใหญ่แล้วก็ไปหลบอยู่ใต้สวนไผ่ เดินจงกรมจนทางเป็นร่อง
ออกจากวัดมาปีแรกต้องไปสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ปีที่สองสร้างสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ ปีที่สามสร้างวัดห้วยสมจิตร ปีที่สี่ก็เริ่มสร้างวัดหนองบัว กลับจากวัดหนองบัวมาแล้วก็มาทำวัดพุทธบริษัท แล้วก็ไปช่วยวัดท่ามะขามไปครึ่งวัด มาทำวัดทองผาภูมิไปครึ่งวัด หลังจากนั้นก็คิดว่าพอกันที ซ่อมสร้างไปหลายวัดเต็มทีแล้ว
จากคนที่ไม่เคยแตะต้องงานก่อสร้างเลย ตอนนี้ไม่ว่าพื้นที่กว้างยาวเท่าไร ใช้วัสดุอะไร สามารถบอกได้หมด เสร็จจากวัดทองผาภูมิ ก็ตั้งใจบูรณะเกาะพระฤๅษีให้ดี กะว่าจะอยู่ที่นั่นแหละ ปรากฏว่าทำเสร็จได้ ๒ วัน วัดท่าขนุนขาดเจ้าอาวาส จึงต้องมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2017 เมื่อ 16:44
|