ดูแบบคำตอบเดียว
  #54  
เก่า 26-03-2010, 02:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ระหว่างอุปาทานกับการคิดเอง จะพิจารณาว่าต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : อุปาทาน คุณเข้าใจว่าอะไร ? อุปาทาน คือ การยึดมั่นถือมั่นไปกับสิ่งที่เราได้รู้มา อันนั้นคืออุปาทาน ไม่ใช่คิดเอง

การคิดเองอาจจะเป็นจินตามยปัญญาก็ได้ จินตามยปัญญาเป็นปัญญาเกิดจากการคิด โดยที่อาศัยการอนุมานเอา จากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้มา จะเป็นการได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ได้ศึกษาก็ตาม

แต่ภาวนามยปัญญา เป็นการรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว อย่างเช่น รู้เห็นว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ใครก็เถียงไม่ได้ รู้ว่าทุกอย่างเป็นทุกข์ ใครก็เถียงไม่ได้ รู้ว่าไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา อย่างนี้เป็นต้น

ฉะนั้น..อุปาทานที่เราว่า เราเข้าใจรากศัพท์จริงไหม ? อุปาทาน คือการไปยึดของเก่าเป็นหลัก อย่างเช่นว่า พระอินทร์จะต้องเขียว ๆ ถ้าท่านมาในลักษณะอย่างอื่นที่ไม่เขียว เราก็คิดว่าไม่ใช่


ถาม : การยึดมั่นถือมั่นเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงความเป็นอริยเจ้า ตราบนั้นยังมีความเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่

ฉะนั้น..คุณไม่ไปกังวลหรอก เป็นแทบทุกคน จะเป็นมากเป็นน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นชนิดที่ไม่เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปเลย ก็มิจฉาทิฏฐิแท้ ถ้าเชื่ออยู่บ้าง แต่ปฏิบัติไม่ได้ ก็ถือว่ามีส่วนของความเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2010 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา