แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนไว้ว่า ควรจะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะว่าทานมีผลทำให้เกิดมาร่ำรวย ศีลมีผลทำให้เกิดมามีรูปสวย มีจิตใจดีงาม ภาวนาทำให้เกิดมามีปัญญาฉลาดมาก ถ้าเรามีทรัพย์ มีความร่ำรวย แต่ไม่มีความฉลาด ทรัพย์สินก็อาจจะสูญหาย..เสียหายไปได้ แต่ถ้าหากว่าเราเกิดมาร่ำรวย แต่หน้าตาไม่เอาไหน แถมยังไม่มีปัญญาอีก คุณสมบัติของเราย่อมมีข้อด้อยใหญ่หลวงปรากฏขึ้น
หรือว่าเราเกิดมาฉลาดแต่ไม่มีสตางค์ และซ้ำยังหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อีกต่างหาก ก็คงไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย ครูบาอาจารย์ท่านถึงได้ตักเตือนว่า ถ้ายังต้องการอานิสงส์อยู่ ให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไปด้วยกัน เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เมื่ออานิสงส์นั้นส่งผล เราจะได้มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
จึงเตือนท่านทั้งหลายที่ส่วนใหญ่แล้วทำบุญเพื่อหวังให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิต การทำบุญเป็นเพียงทานเท่านั้น ต่อให้เป็นวิหารทานหรือธรรมทานก็ยังจัดอยู่ในระดับของทาน ถ้าเราหวังผลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง ก็ให้รักษาศีลและเจริญภาวนาควบคู่ไปด้วย จึงจะบังเกิดผลตามที่เราต้องการ
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2019 เมื่อ 02:29
|