ชื่อกระทู้: ๒๒ วันก่อนอุปสมบท
ดูแบบคำตอบเดียว
  #18  
เก่า 12-06-2009, 10:41
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,905 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

หลังจากได้คุยกันแล้ว ผมมีเวลาอีกประมาณ ๑ เดือนก่อนที่จะต้องบวช ผมรีบสะสางงานที่ค้างไว้แล้วเดินทางกลับไปบ้าน ผมกลับถึงบ้านด้วยใจที่ไม่ค่อยชอบนัก เพราะว่าที่บ้านผมมันเป็นบ้านนอกต่างจังหวัดธรรมดา ผมยังคิดเลยว่าผมจะอยู่ได้หรือเปล่าเพราะความที่ผมอยู่กทม..มาหลายปี เจอคนจอแจทั้งวันเจอแสงสีพอมาอยู่บ้านก็เงียบสนิท (กลัวอดเที่ยวว่างั้นเถอะ)

ก่อนที่จะบวชผมต้องไปอยู่วัดก่อน (เป็นนาค) ท่องบทที่จะต้องเตรียมตัวเข้าพิธีผมนึกในใจว่าทำไมมันช่างยากเย็นอย่างนี้ ภาษาบาลีมันช่างจำยากจำเย็นเหลือเกินแค่ไม่กี่บรรทัดเองท่องไม่ได้ (มาคิดอีกที ทีเพลงพวกศิลปินที่ร้องกัน บางที่ฟังครั้งเดียวก็ร้องตามได้แล้ว)
ในใจคิดว่า เดี๋ยวบวชเสร็จเราก็ได้เที่ยวตามเดิมแล้วแค่ ๓ เดือนเอง คิดอย่างนี้ทำให้ผมสบายใจรีบกระตือรือร้นอ่านใช้เวลานานพอควร กว่าจะท่องบทไม่กี่บรรทัดนี้ได้ พอวันบวชมาถึงตั้งแต่ผมเริ่มโกนผมเลยครับ ผมรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีคือชาวบ้านที่มางานกัน เขากระตือรือร้นที่จะเข้ามาช่วยงานผมมากคนเฒ่าคนแก่เต็มหมด ผมไปตรงไหนก็มีคนอยากคุยอยากถามโดยเฉพาะแม่ผมก็ปลื้มเลยครับงานนี้

หลังจากเสร็จพิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยง ผมก็จะต้องมาทำพิธีในโบสถ์ (ก็เหมือนกับปฎิญาณว่าต้องการจะเป็นพระนั่นแหละ) พระที่วัดมีทั้งหมด ๑๑ รูปด้วยกันต่างรอทำพิธีอยู่ในโบสถ์แล้ว มีเจ้าอาวาส,พระอุปัชฌาย์,พระลูกวัด หลังจากที่ทำพิธีในโบสถ์แล้ว ผมสังเกตแม่ผมมีใบหน้าที่มีความสุขมากปลื้มมากที่ลูกชายได้บวช ท่านคงคิดว่าวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ผมห่มเหลือง สะพายบาตร มือสองข้างถือตรปัช (เขียนไม่ถูกต้องขออภัย) หลังจากทำพิธีในโบสถ์แล้ว ตอนนี้ผมเป็นพระเต็มตัวแล้ว เดินไปไหนก็จะมีคนที่จะกราบไหว้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐ เป็นผู้ที่บริสุทธ์ ที่จะต้องสืบทอดศาสนาต่อไป
หลังจากเดินออกจากโบสถ์แล้ว ผมไม่ได้มาตัวเปล่าครับแต่ว่าได้ถือศีลมาทั้งหมด ๒๒๗ ข้อมาด้วย ซึ่งตลอดการบวชผมจะต้องรักษาไว้ให้อย่างดีทีเดียว แม้ผมจะเหยียบมดตายซักตัวสองตัว นั้นก็ถือเป็นอาบัติแล้ว นี่คือข้อแตกต่างระหว่างคนกับพระ ถ้าคนธรรมดาก็คงจะไม่เป็นไร ผมรู้สึกต่างจากคนที่เคยดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ที่ กทม. อย่างสิ้นเชิง
ผมก้าวออกจากโบสถ์ มีคนรออยู่แล้วประมาณ ๒๐ กว่าคนทั้งหญิงชาย (ส่วนมากเป็นคนเฒ่าคนแก่) รอที่จะใส่ธูปใส่เทียนลงในย่ามที่คล้องแขนไว้ มีคนแก่ผู้ชาย ๒ คนนอนลงราบกับพื้นติดกัน ผมงงครับ ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่แล้วก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่า เหยียบเลยคุณ ๆ ผมก็ยืนอยู่นั่น เพราะคิดว่านี่เป็นคนเฒ่าคนแก่มีอายุมากกว่าอีกทั้งเป็นที่เคารพนับถือตั้งแต่เรายังเด็ก บางคนก็เอาผ้าผืนสีขาวสะอาดมารองพื้นไว้เพื่อที่จะให้ผมเหยียบลงไป จะให้เราเอาเท้าไปเหยียบบนหลังบนผ้านะหรือ มันรู้สึกขัดเขินอย่างไรบอกไม่ถูก เมื่อถูกคะยั้นคะยอมากเข้า ผมก็เลยต้องทำตามมารู้ทีหลังว่า เขาเชื่อว่าคนที่ได้บวชใหม่เพิ่งออกจากโบสถ์มาใหม่ ๆ ถือว่าเป็นพระที่บริสุทธิ์ที่สุด (คือศีลยังไม่ขาดนั่นเอง) ฉะนั้นอานิสงส์ของศีลตรงนี้จะทำให้เขาเหล่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้หายจากอาการโรคปวดหลังปวดเอว และโรคอื่นๆได้
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 13-06-2009 เมื่อ 06:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา