ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 11-10-2009, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าระยะหลังมา ความนิยมใช้ผ้าอาบน้ำฝนลดน้อยถอยลง เนื่องจากว่าบุคคลที่ขายเครื่องสังฆภัณฑ์ต่าง ๆ เห็นแก่รายได้ของตน จึงได้ลดคุณภาพของผ้าอาบน้ำฝนลง นอกจากเนื้อหยาบจนไม่น่าใช้แล้ว ยังมีขนาดเล็กกว่าเดิมครึ่งต่อครึ่ง พระภิกษุสามเณรถ้าจะใช้สรงน้ำก็คงต้องโป๊แน่นอน

ดังนั้นการถวายผ้าอาบน้ำฝนในปัจจุบัน จึงกลายเป็นเพียงธรรมเนียมเฉย ๆ ถวายไปพระก็ไม่ได้ใช้ นอกจากเอาผ้าไปทำผ้าขี้ริ้วบ้าง ทำผ้าเช็ดบาตรบ้าง ทำผ้าเช็ดตัวบ้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการนุ่งเพื่อสรงน้ำอย่างที่ต้องการมาแต่ต้น ส่วนใหญ่ปัจจุบันก็จะใช้ผ้าสบงไปเลย

แต่ว่าของวัดท่าขนุนนี้ เมื่อเช้าที่ผ่านมา มีญาติโยมหลายรายที่คงจะเล็งเห็นในข้อนี้ ดังนั้น..แทนที่ท่านทั้งหลายจะถวายผ้าอาบน้ำฝน ก็ถวายเป็นผ้าไตรครบชุดมาเลย อันนี้ท่านทั้งหลายก็จะได้อานิสงส์ต่างหากออกไปเพิ่มขึ้นอีกมาก

องค์สมเด็จจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงอานิสงส์ของการถวายผ้าไตรจีวรในพระพุทธศาสนาว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปเกิดชาติใหม่เป็นผู้ชาย ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วทูลขอบวช เมื่อพระพุทธเจ้าประทานการบวชโดยเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ จะมีจีวรที่สำเร็จด้วยฤทธิ์ลอยมาสวมตัวให้ กลับเพศเป็นพระในทันที

แต่ถ้าหากท่านที่ถวายจีวรไว้ในพระพุทธศาสนานี้ไปเกิดเป็นผู้หญิง จะมีเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ ซึ่งเป็นเครื่องประดับศีรษะรูปนกยูงรำแพน แล้วมีชายต่อลงไปเป็นเสื้อคลุม เครื่องประดับนี้ร้อยขึ้นมาจากแก้วมณี แก้วไพฑูรย์ แก้วประพาฬ อย่างละหลายทะนานด้วยกัน ถ้าหากว่าไม่แข็งแรงจริง ๆ ไม่สามารถที่จะสวมได้ แม้ในพระไตรปิฎกก็กล่าวเอาไว้ว่า บุคคลที่มีเครื่องประดับมหาลดาปสาธาน์นั้นมีอยู่แค่ ๓ รายเท่านั้น รายแรกก็คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา รายที่สองคือมัลลิกาเทวี ภรรยาของพันธุลเสนา รายที่สามแปลกมาก เป็นภรรยาของนายโจรที่ชื่อว่า เทวนานิยะ เป็นต้น

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่ไม่ได้ถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา อย่าเพิ่งน้อยใจว่าเราไม่ได้ถวายผ้าไตรอย่างคนอื่นเขา ผ้าไตรจีวรในพระพุทธศาสนาจะเป็นผ้าอะไรก็ได้ กว้างคืบหนึ่ง ยาวคืบหนึ่งขึ้นไป ถือว่าได้อานิสงส์ของผ้าไตรจีวรทั้งหมด ดังนั้น..ท่านที่ไม่ได้ถวายผ้าครบไตร เพียงแต่ถวายผ้าอาบน้ำฝนก็ไม่ต้องน้อยใจ ท่านได้อานิสงส์ของการถวายผ้าไตรจีวรอย่างแน่นอน

ส่วนการถวายเทียนพรรษานั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ได้ตรัสเอาไว้เป็นบาลี อาตมายกมาเพียงสั้น ๆ ว่า ยานโท สุขโท โหติ จกฺขุโท โหติ ทีปโท เป็นต้น แปลเป็นใจความว่า ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ย่อมได้รับแต่ความสุข ผู้ที่ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้ดวงตา เกิดใหม่เมื่อไรจะเป็นผู้มีปัญญามาก

ตัวอย่างเช่นพระอนุรุทธเถระ ในอดีตท่านเคยถวายโคมไฟเพื่อบูชาพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ผลบุญของการถวายโคมไฟไว้ในพระพุทธศาสนา เกิดมาชาตินี้แม้ท่านเป็นพระวิชชาสาม แต่ว่ามีทิพจักขุญาณเป็นเลิศ นอกจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมีทิพจักขุญาณเหนือไปกว่าพระอนุรุทธอีก แม้กระทั่งพระมหาโมคคัลลานะที่เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายที่เลิศไปด้วยฤทธิ์ ก็มีทิพจักขุญาณไม่เหนือไปกว่าพระอนุรุทธ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำเนินอยู่ในฌานก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น มีแต่พระอนุรุทธเท่านั้นที่สามารถใช้ทิพจักขุญาณตามดูได้ และบอกกล่าวให้ผู้อื่นทราบเป็นระยะ ๆ ว่าขณะนี้องค์พระบรมศาสดากำลังเข้าฌานไหน เป็นต้น

ดังนั้น..ญาติโยมที่นำเอาเทียนพรรษาก็ดี หลอดไฟฟ้าซึ่งใช้การได้ง่ายและได้ประโยชน์ก็ดี มาถวายไว้ที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ก็ชื่อว่าท่านทั้งหลายได้ถวายประทีปโคมไฟไว้ในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าเกิดชาติใหม่จะเป็นผู้มีปัญญามาก เข้าถึงธรรมได้ง่าย และถ้าหากฝึกในเรื่องของอภิญญาแล้ว ก็จะเป็นผู้มีทิพจักขุญาณแจ่มใสมาก ส่วนท่านทั้งหลายที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนไว้ องค์สมเด็จพระบรมจอมไตรศาสดาได้ตรัสเพิ่มว่า บุคคลที่ถวายผ้าผ่อนไว้ชื่อว่าให้วรรณะ เกิดเมื่อไรก็จะอยู่ในตระกูลสูง ไม่มีวันตกต่ำ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:05
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา