ส่วนของคำนำ
สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสว่า อย่าไปเอาวิชา ความรู้ ศักดิ์ศรี ฐานะ ตระกูลมาเป็นเครื่องตัดกิเลส
เพราะนั่นเป็นสิ่งภายนอก มิใช่ตัวจิตแท้ ๆ ใครยึดถือก็เป็นมานะกิเลส ให้พิจารณาถึงตัวจิตล้วน ๆ ตามที่สมเด็จองค์ปฐมตรัสไว้ในคิริมานนทสูตรว่า ผู้มีความรู้จะฉลาดสักปานใด ไม่ควรถือตัวว่าเป็นผู้ยิ่งกว่าผู้มีศีล
ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ไม่มีศีล ปราศจากการรักษาศีล หรือเข้าใจว่าตนเองดีกว่าผู้มีศีล จัดเป็นมิจฉาทิฎฐิเป็นคนหลงทาง ห่างจากความสุขในมนุษย์ สวรรค์และพระนิพพานมาก เพราะเหตุผลว่าผู้มีศีล ได้ชื่อว่าใกล้ต่อพระนิพพานอยู่แล้ว จะถือเอาความรู้และความไม่รู้เป็นเครื่องวัดความดีไม่ได้ ต้องถือเอาการละกิเลสได้เป็นเครื่องวัด เพราะผู้จะเข้าถึงพระนิพพานต้องอาศัยการละกิเลสได้ส่วนเดียว เมื่อละได้แล้ว แม้จักไม่มีความรู้มาก รู้แต่เพียงการละกิเลสได้เท่านั้น ก็อาจถึงพระนิพพานได้ จักเห็นได้ว่าชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ที่มุ่งเข้ามาปฏิบัติธรรม มิได้มีวิชา ความรู้ ศักดิ์ศรี ฐานะ ตระกูลเลย แต่เอาจิตที่เต็มไปด้วยศรัทธาเข้ามาปฏิบัติด้วยกำลังใจเต็ม ในศีล สมาธิ ปัญญา มุ่งปฏิบัติกันที่จิตโดยตรง อันเป็นธรรมภายในด้วยกันทุกคน ไม่เอาธรรมภายนอก ๕ อย่างนั้นมาใช้ตัดกิเลส จัดได้ว่าเป็นหนูประเภทที่สอง คือ มิได้ขุด แต่ได้อยู่
สมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสสอนพระอานนท์เรื่องหนูมี ๔ ประเภท มีความโดยย่อว่า
หนูประเภทที่ ๑ มันขุด(รู) แต่มิได้อยู่ คือ พวกรู้ปริยัติ แต่มิได้ปฏิบัติ
หนูประเภทที่ ๒ มันมิได้ขุด แต่ได้อยู่ คือ พวกไม่รู้ปริยัติ แต่มุ่งตัวปฏิบัติอย่างเดียว
หนูประเภทที่ ๓ มันขุดด้วย และได้อยู่ด้วย คือ พวกรู้ปริยัติ และปฏิบัติด้วย
หนูประเภทที่ ๔ มันไม่ได้ขุด และไม่ได้อยู่ คือ พวกไม่รู้ทั้งปริยัติและไม่ปฏิบัติด้วย