ปัจฉิมโอวาทขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรวบรวมหลักธรรมคำสอนตลอด ๔๕ พรรษา รวมเป็นจุดใหญ่ใจความเดียวคือ "ความไม่ประมาท" พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราตถาคตเตือนท่านทั้งหลายให้รู้ว่า สังขารย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ให้สมบูรณ์พร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"
"อาตมาเห็นคุณของพุทธโอวาทแห่งพระบรมศาสดา เรื่องเสือเย็นจึงไม่นึกเกรงกลัวแม้แต่สักนิดเดียว"
ชายชาวป่าเห็นความแกล้วกล้าอาจหาญของสามเณรน้อย นึกเลื่อมใสศรัทธาเป็นล้นพ้น ยกสองมือไหว้ท่วมหัว สรรเสริญสามเณรน้อยว่าเป็นผู้แน่วแน่ในพระสัทธรรม ยากยิ่งที่จะพบในสามเณรทั่วทั้งแผ่นดิน
กล่าวจบชายวัยกลางคนก็นมัสการลาสามเณรกองแก้วไปตามทางของตน
ป่าห้วยดิบจึงเหลือสามเณรเพียงลำพัง
เมื่อก้าวเดินไปพบทำเลเหมาะสม ใต้โคนไม้ใหญ่กิ่งใบดกร่มรื่นดูเย็นสบาย เป็นสถานที่อันสัปปายะ จึงตกลงใจถือเป็นที่พักอาศัย นั่งเจริญสมาธิและเดินจงกรม
คืนแรกในป่าห้วยดิบ
สามเณรนั่งสงบขัดสมาธิเจริญภาวนา ธรรมชาติของป่าลึกยามกลางค่ำกลางคืนดูวิเวกวังเวง น่าพรั่นพรึงทั้งที่อันตรายยังไม่ปรากฏ ผู้ไม่เคยย่างกรายเข้ามาในป่าใหญ่ หลงพลัดมาอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวจะนึกเห็นไปเองสารพัด ทั้งที่อันตรายจริงยังมาไม่ถึง แต่สามเณรน้อยจิตตั้งมั่นตามแนวทางพระธุดงค์แท้ ความครั่นคร้ามเรื่องสิ่งแวดล้อมมืดทะมึนไม่มีเลย ผู้กล้าสละแม้แต่ชีวิตเท่านั้นจึงเผชิญหน้าได้ทุกสภาพที่มีอยู่ในป่า อันเป็นการพิสูจน์ศรัทธาที่ตนเองมีในธรรมะของพระพุทธศาสนา เมื่อจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ธรรมวิเศษย่อมรออยู่เบื้องหน้า ไม่ช้าก็เร็วต้องดำเนินไปถึง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 30-12-2009 เมื่อ 07:33
|