ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 09-01-2020, 15:33
ธีรธรรม ธีรธรรม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jul 2019
ข้อความ: 11
ได้ให้อนุโมทนา: 2
ได้รับอนุโมทนา 267 ครั้ง ใน 17 โพสต์
ธีรธรรม is on a distinguished road
Default ทั้งวัดมีพระรูปเดียว ตั้งใจใส่บาตรเป็นสังฆทานได้หรือไม่ ?

๑.ถ้าหากว่า ในหมู่บ้านของผมมีพระรูปหนึ่งท่านมาบิณฑบาตหน้าบ้านผมอยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ทราบว่า ท่านจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวในวัด แล้วผมก็ใส่บาตรกับท่าน และเนื่องจากหลวงพ่อเล็กเคยกล่าวเอาไว้ว่า เวลาใส่บาตร หากเราตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า เราจะไม่ใส่บาตรเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง ให้ใส่บาตรกับพระรูปใดก็ได้ไม่ว่าพระรูปใดจะเดินผ่านมา ก็ถือว่า เราจะได้อานิสงส์สังฆทาน แต่ว่าหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ ที่วัดนั้น มีท่านเป็นพระอยู่เพียงรูปเดียว ผมอยากทราบว่า ผมจะได้อานิสงส์สังฆทาน หรือปาฏิปุคคลิกทาน ตามที่ผมเข้าใจคือ เราได้อานิสงส์สังฆทานอยู่ดี เพราะไม่แน่ว่า วันใดวันหนึ่งอาจจะมีพระรูปอื่นเดินผ่านมาหน้าบ้าน ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าจะเป็นพระรูปเดิม ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ ?

๒.ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาศีลข้อที่ ๔ ว่า ถ้าหากเราพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของเรา ซึ่งถ้าหากบอกให้เขารู้ตรง ๆ ก็จะทำให้ตัวเราเองไม่สบายใจ อย่างเช่นว่า ถ้าหากมีคนมาถามว่า ทำไมถึงไม่มากินข้าวเย็นด้วยกัน เราตอบเขาไปว่า เราไม่หิว แต่ในความเป็นจริงแล้วเราหิว แต่เราไม่ชอบขี้หน้าเขาเราเลยไม่อยากไปด้วย ซึ่งถ้าหากเราไปกับเขาแล้วโทสะกำเริบก็เกรงว่า เราจะทำเรื่องที่ไม่ดี หรือถ้าบอกเขาไปตามตรงว่า เราไม่ชอบเขา ก็เกรงว่าจะมีปัญหากัน ซึ่งการที่ผมพูดไม่ตรงกับความจริงไปบ้างก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ผมอยากทราบว่าศีลข้อที่ ๔ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพูดโกหกมีข้อกำหนดอย่างไรว่า เราทำผิดศีลข้อที่ ๔ ตามที่ผมเข้าใจคือ โกหกเพื่อทำลายประโยชน์ของเขา โกหกเพื่อหาประโยชน์ของเราโดยวิธีที่ผิดศีลธรรม แล้วมีอะไรอีกครับ ?

๓.สมมติว่า ผมไปถวายสิ่งของให้กับวัด ๔ วัด โดยไม่ได้เจาะจงพระรูปใด
แต่ผมรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า ทั้ง ๔ วัดนั้นมีพระอยู่แต่ละวัดเพียง ๑ รูป
ผมอยากทราบว่า ถ้าหากผมทำในลักษณะนี้จะได้อานิสงส์ปาฏิปุคคลิกทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๑ ครั้ง ซึ่งผมเข้าใจว่า ผมได้อานิสงส์สังฆทาน เพราะไม่แน่ว่า วันใดวันหนึ่งอาจจะมีพระในวัดนั้น ๆ ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปก็ได้ ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ ?

๔.ถ้าหากว่า มีคนมาทำให้เราโกรธ ผมเลยถือคติว่า เราไม่ควรคบคนพาล แต่ก็ยังรู้ตัวอยู่ว่า เรายังโกรธเขาอยู่ และผมก็ไม่ไปคบค้าสมาคมกับเขา ผมเข้าใจว่า การวางกำลังใจในลักษณะนี้ยังพร่องในกรรมบถ ๑๐ คือยังมีความพยาบาทอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของการ ไม่จองล้างจองผลาญ ไม่เอาคืนเขา แต่ผมกลัวว่า ถ้าหากเราคบคนพาลเขาจะพาเรา คิด พูด ทำ ในสิ่งไม่ดี ซึ่งผมก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่า เขาจะเป็นคนดี โดยพิจารณาจากสิ่งที่เขาทำเบื้องต้น ผมคิดว่า การไม่ไปคบหาสมาคมกับเขาเลยจะมีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๕.ผมมีข้อสงสัยในเรื่องของมานะกิเลสว่า เราต้องกำหนดจิตไว้ว่า เราจะไม่ตีตนดีไปกว่าใคร ไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร และไม่ตีตนเสมอใคร แต่ผมคิดว่า เวลาที่ผมกำหนดจิตว่า เราจะไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร แล้วมันทำให้ความรู้สึกว่า เราดีกว่าคนอื่น มันเด้งขึ้นมาพร้อม ๆ กันจนแยกความรู้สึกกันไม่ออก ถ้าหากว่า ผมกำหนดจิตไว้แค่ว่า เราจะไม่ตีตนดีกว่าใคร ไม่ตีตนเสมอใครไว้ก่อน เพราะผมรู้สึกว่า มันจะทำให้เรานอบน้อมถ่อมตนได้มากกว่า แล้วเราค่อยมาจัดการในการกำหนดจิตไว้ว่า เราจะไม่ตีตนด้อยไปกว่าใครทีหลัง ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๖.สมมติว่า เราเห็นคนอื่นที่เขาได้ดีเจริญก้าวหน้ากว่าเรา แล้วเราก็พยายามที่จะทำให้ได้ดีแบบเขา ไม่ว่าจะเป็นทางธรรม โดยการตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทางโลก โดยการมีความเพียรตั้งใจในการทำงาน การที่ผมตั้งใจเอาไว้แบบนี้ ถือว่าเราเข้าข่ายไม่อยากให้คนอื่นดีกว่าตนเองหรือไม่ แล้วเราควรตั้งกำลังใจแบบนี้ต่อไปหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๗.ถ้าผมจำไม่ผิดหลวงพ่อเล็กเคยบอกเอาไว้ว่า ให้เราภาวนาให้จิตทรงตัวเป็นสมาธิมากที่สุด แล้วค่อยคลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณในลักษณะที่ว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ร่างกายไม่ใช่ของเรา สุดท้ายก็สลายหายไปหมดว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือ แต่ผมกลับรู้สึกว่า ตอนผมพิจารณาว่า ทุกอย่างมันว่างเปล่า ร่างกายไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก แล้วจิตเข้าสู่สมาธิได้ดีกว่าการภาวนาแบบอื่น ๆ แบบนี้ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?

๘.การที่เราตั้งใจสร้างบุญบารมีในหมวด ทาน ศีล ภาวนา และระงับความชั่ว ในลักษณะที่ตั้งใจเอาไว้ว่า จะได้มีบุญเยอะ ๆ เก็บไว้ เพื่อตอนที่เราตายไปแล้วจะได้ไปสู่สุคติ แล้วพอมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่จะได้พบเจอแต่เรื่องดี ๆ ผมเข้าใจดีว่า ควรจะตั้งกำลังใจเพื่อเป็นไปในทางละกิเลสเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมก็คิดว่า เราก็ยังทำอยู่ในขอบเขตของการสร้างบุญบารมีและระงับความชั่วอยู่ และก็ไม่ได้ไปผิดทางขนาดนั้น ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๙.ถ้าหากว่า มีสะพานบุญท่านหนึ่งรับฝากเงินจากผู้อื่น เพื่อไปทำบุญในงานบุญแห่งหนึ่ง แล้วสะพานบุญท่านนั้น ก็เอาเงินจำนวนนั้นทั้งหมดไปให้อีกคนหนึ่ง
ที่สะดวกไปงานบุญ ให้เอาเงินไปทำบุญในงานบุญนั้นให้อีกที แต่ปรากฎว่าคนที่รับเงินไปทำบุญจากท่านที่เป็นสะพานบุญนั้น ไม่ได้เอาเงินไปทำบุญ หรือนำเงินไปทำบุญผิดวัตถุประสงค์ของกองบุญ ไม่ทราบว่า ใครจะติดโทษย้ายเจดีย์ ระหว่างท่านที่เป็นสะพานบุญ กับคนที่รับเงินจากสะพานบุญไปทำบุญให้ ?

๑๐.ผมมีข้อสงสัยว่า พระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งท่านได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต แล้วมีช่วงที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด แล้วตรัสเอาไว้ว่า หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ไปฆ่าพ่อตัวเองก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาโปรด ท่านก็จะได้บรรลุมรรคผล ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาตั้งแต่ต้น แล้วท่านจะมาบรรลุมรรคผลเป็นสาวกภูมิได้อย่างไรครับ ก็จริงอยู่หลังจากท่านสำนึกผิดไปแล้ว ท่านก็ได้ทำบุญอย่างหนัก แต่ก็ไม่น่าจะได้รับพุทธพยากรณ์จากการสร้างบารมีแค่ชาตินั้นเพียงชาติเดียว ?

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2020 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ธีรธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา