เมื่อกำลังใจเริ่มทรงตัว ก็ให้กำหนดใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก เมื่อแผ่เมตตาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็มาทบทวนศีลของเรา ว่าศีล ๕ หรือศีล ๘ ที่เรารักษาอยู่นั้นมีอะไรบกพร่องบ้าง? ถ้ามีสิกขาบทไหนที่บกพร่อง ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะมีศีล ๕ ศีล ๘ ที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษาไว้ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
เมื่อทบทวนศีลทุกสิกขาบทจนบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว เข้ามาดูว่ากำลังใจของเรามีความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงหรือไม่ ? ยังมีการล่วงเกินในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ให้น้อมจิตน้อมใจขอขมาพระรัตนตรัย หลังจากนั้นก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเรา อย่าให้มีการล่วงเกินในคุณพระรัตนตรัยอีก
ลำดับสุดท้ายก็ให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตนี้เป็นของไม่เที่ยง ความตายสามารถมาถึงเราได้ตลอดเวลา ก็ขึ้นอยู่กับว่าถ้าตายแล้วเราจะไปไหน ? ถ้าลงสู่อบายภูมิก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องทุกข์ยากลำบากกับความทุกข์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็พ้นทุกข์ได้เพียงชั่วคราว เกิดใหม่เมื่อไรก็ทุกข์อีก มีสถานที่ที่รอดพ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริงคือ พระนิพพาน ให้ทุกคนตั้งใจว่าถ้าเราสิ้นชีวิตลงไป ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานเท่านั้น
เมื่อปรับสภาพกำลังใจของเรามาถึงระดับนี้แล้ว ก็ย้อนไปดูลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้ตามดูตามรู้ลมหายใจไปตามปกติ ถ้ามีคำภาวนาอยู่ก็ตามดูตามรู้ลมหายใจและคำภาวนาของเราไป ให้ทุกคนประคับประคองรักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ไว้ จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2014 เมื่อ 20:15
|