ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 07-08-2013, 20:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,430 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖

ขอให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่ดั้งเดิม เพราะจิตมีสภาพเคยชินแล้วยอมรับได้ง่าย

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ระยะนี้..ตลอดเวลา ๑ เดือนโดยประมาณ อาตมาเองเจออาการเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ สองรอบติด ๆ กัน ความเจ็บป่วยในครั้งนี้ต้องบอกว่า ค่อนข้างจะหนัก เนื่องจากไม่เคยป่วยจนต้องอาศัยยาฉีดมานาน ตกประมาณ ๓๐ ปีได้แล้ว แต่ก็ต้องอาศัยการฉีดยาเพื่อประคับประคองธาตุขันธ์เอาไว้ จะได้นำพวกเราเจริญพระกรรมฐานกันต่อไปได้ ในขณะที่สภาพสังขารร่างกายจริง ๆ นั้นเหมือนกับไม่มีกำลัง บางเวลาก็เหมือนจะขาดใจลงไป

ที่เล่าให้ฟังนี้ไม่ได้บอกเพื่อให้พวกเราตกใจกัน แต่อยากบอกให้พวกเรารู้ว่า นี่คือสภาพความเป็นจริงของร่างกาย ซึ่งมีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด เมื่ออายุกาลผ่านวัยที่มากขึ้น ความแปรปรวนของธาตุขันธ์มีมากขึ้น ความเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งตามปกติธรรมดาของร่างกายต้องมีอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนมากขึ้นไปด้วย แต่ความจริงของสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น อย่างเช่น ความเจ็บป่วย หนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ มีเป็นปกติของอัตภาพร่างกาย แต่ว่าร่างกายนั้นเสื่อมโทรมลง สิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติเหมือนกับทุกครั้ง จึงกลายเป็นของที่หนักขึ้น เพราะสภาพร่างกายรองรับไม่ไหว

เมื่อเป็นดังนั้นเราจะได้เห็นว่า สภาพร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ ประกอบไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ประกอบไปด้วยความเป็นทุกข์เป็นภัย เปรียบเหมือนกับเลี้ยงเสือไว้ แล้วเสือนั้นก็กัดเราอยู่ทุกวัน ต่อให้ไม่ขบกัดทำร้ายเรามาก ก็เรียกร้องว่าอย่างน้อย ๆ ต้องหาอาหารให้วันละ ๒ หรือ ๓ มื้อ หิวต้องหาให้กิน กระหายต้องหาให้ดื่ม ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะต้องไปห้องน้ำห้องส้วม ร้อนต้องหาสิ่งของมาบรรเทาให้ หนาวต้องหาเครื่องนุ่มห่มมาเพิ่มให้ เจ็บไข้ได้ป่วยต้องเป็นภาระในการรักษาพยาบาล

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นปกติธรรมดาที่มีอยู่กับขันธ์ ๕ ทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าจะตัวเรา ตัวเขา หรือสัตว์ทั้งหลายก็ตาม ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของขันธ์ ๕ ที่จะแปรปรวนไปตามสภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ เพราะว่าชีวิตนี้เป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายนั้นเป็นของเที่ยง ความตายย่อมมาถึงชีวิตทุกรูปทุกนามอย่างแน่นอน

ดังนั้น..เราจึงไม่ควรประมาท จำเป็นที่จะต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมให้มากเข้าไว้ ถึงเวลาจะได้หลีกลี้หนีจากร่างกายที่เป็นทุกข์เป็นโทษนี้ ไปให้ไกลที่สุด ถ้าสามารถหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานไปได้เลยก็ยิ่งดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-08-2013 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา