ดังนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งว่า บุคคลที่รักษาศีลให้สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ จึงต้องมีสมาธิเป็นเครื่องช่วย โดยปกติแล้วในขณะที่เราตั้งสติ ระมัดระวังไม่ให้ศีลขาด เท่ากับเรากำลังสร้างสมาธิให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ว่าสมาธิในลักษณะอย่างนั้นบางทีก็เบาไป พังได้ง่าย จึงต้องมาจับลมหายใจเข้าออกอย่างจริง ๆ จัง ๆ รักษากำลังใจของเราให้มั่นคงอยู่กับลมหายใจเข้าออก เพื่อที่สภาพจิตของเราจะได้ไม่คิดชั่ว สภาพของวาจาก็จะได้ไม่พูดชั่ว สภาพของกายก็จะได้ไม่ทำชั่ว
ท่านที่บ่นว่าศีลเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ แสดงว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นยังภาวนาไม่เป็น รักษากำลังใจในการอยู่กับลมหายใจเข้าออกไม่เป็น จึงควรที่จะมาเน้นในเรื่องของการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก หรืออานาปานสติของเรา เพราะว่าอานาปานสติ เป็นหนึ่งในสัพพัตถกรรมฐาน ก็คือกรรมฐานที่ก่อให้เกิดประโยชน์สารพัด ซึ่งประกอบไปด้วยอานาปานุสติ คือการระลึกถึงลมหายใจเข้าออก พรหมวิหาร ๔ ก็คือการที่เราซักซ้อมสภาพจิตของเรา ให้ประกอบไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
มรณานุสติ คือการที่เรารู้ตัวอยู่เสมอว่าต้องตาย และกายคตานุสติ มีสติอันรู้สภาพความเป็นจริงของร่างกายนี้อย่างชัดแจ้ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 14:40
|