ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 10-07-2014, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,472 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติ คือความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงการที่พระฉันนะท่านว่ายากสอนยาก จนพระพุทธเจ้าก่อนจะปรินิพพาน ต้องสั่งให้คณะสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ ต้องเรียกว่าเพื่อดัดนิสัย และยังโชคดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู พระองค์ท่านรู้จริงว่า ถ้าสั่งลงโทษอย่างนั้นแล้ว พระฉันนะจะได้สำนึก แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม จนบรรลุอรหัตผล

ที่กล่าวในเรื่องนี้ก็เพราะว่า จะให้พวกเราทุกคนได้สำรวจตัวเองดูว่า ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น เราได้หลุดพ้นจากสังโยชน์ หรือว่าโดนสังโยชน์ร้อยรัดอยู่ จนไม่สามารถที่จะหลุดรอดไปไหนได้ สังโยชน์ที่เราจะพึงพิจารณาอยู่เสมอ ๆ เอาแค่ ๓ ข้อใหญ่ ๆ ก็คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และ สีลัพพตปรามาส

สมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งให้พระทุกรูป เขียนสังโยชน์ ๑๐ ติดไว้ที่หัวเตียง พิจารณาอยู่ทุกวัน ว่าเรายังมีสังโยชน์ตัวไหนที่ร้อยรัดเราอยู่ เมื่อทบทวนทุกวัน รู้จุดบกพร่องของตนเอง จะได้แก้ไขได้ คราวนี้สังโยชน์ ๑๐ อาจจะมากเกินกำลังของญาติโยมทั้งหลาย จึงขอกล่าวแค่สังโยชน์ ๓ เท่านั้น

สักกายทิฏฐินั้นเป็นตัวหนึ่งที่ทำให้เราถือตัวถือตน และถ้าหากว่าถือตัวมาก ๆ ก็จะมีการแบกมานะ ซึ่งเป็นสังโยชน์ใหญ่เพิ่มเข้าไปอีกตัวหนึ่งด้วย ความถือตัวถือตนในที่นี้ก็คือว่า เราดีกว่าเขา แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสแค่ว่า เราดีกว่าเขา การถือว่าเราเสมอเขา เราดีเท่าเขา ก็เป็นสังโยชน์เครื่องร้อยรัดเช่นกัน ในขณะเดียวกัน เราด้อยกว่าเขา เราสู้เขาไม่ได้ ก็เป็นสังโยชน์เช่นกัน เนื่องจากว่าเป็นการยึดถือ โดยเอาตัวตนของตนเป็นศูนย์กลางเหมือน ๆ กัน

เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกท่านก็ต้องพินิจพิจารณาดูว่า ตั้งแต่เราปฏิบัติธรรมมา เราสามารถละพยศ ลดมานะลงไปได้เท่าไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2014 เมื่อ 14:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา