ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 14-07-2014, 11:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,481 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น พวกเราทุกคนมีน้อยมากแล้ว ถ้าเรายังลังเลในคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็จะไม่มาปฏิบัติธรรมอย่างนี้ ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นกำไรใหญ่ ส่วนในเรื่องของสีลัพพตปรามาส คือการรักษาศีลไม่จริงไม่จัง รักษาแบบลูบ ๆ คลำ ๆ บางคนก็รักษาศีลแบบทำเป็นเล่น อย่างเช่นว่า รักษาศีล ๘ เฉพาะเวลาที่ไม่ได้กินข้าวเย็น เป็นต้น

ในเมื่อตัดสินใจรักษาศีลแล้วก็ทำให้เด็ดขาดจริงจังไปเลย ถ้าเราทำเด็ดขาดและจริงจัง ผลย่อมจะเกิดได้ง่าย แต่ถ้าหากว่าเรารักษาเล่น ๆ ผิดพลาดเพียงนิดเดียว จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยไปด้วย หรือลักษณะของบุคคลที่บวชเป็นพระเป็นเณร บวชแล้วบวชอีก บวชแล้วบวชอีก บางท่านก็คิดว่าอยู่ในลักษณะของการเก็บคะแนน สะสมแต้ม จะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่เท่ากับเปิดทางถอยให้กับตัวเองรอบข้าง ในเมื่อมีทางถอย ก็ไม่พากเพียรบากบั่นขึ้นหน้า ไม่ต่อสู้ฟันฝ่ากับข้าศึกคือกิเลส จ้องแต่เตรียมจะถอยอยู่ตลอดเวลา สภาพจิตก็ไม่เด็ดขาดจริงจัง ย่อมไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลสได้

ดังนั้น..เราจึงต้องตั้งหน้าตั้งตารักษาสิกขาบท คือศีลของเราตามสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของฆราวาส ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือศีล ๒๒๗ ของพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น ต้องรักษาทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ถ้าหากว่าสามารถกระทำอย่างนี้ได้โดยครบถ้วน ก็แปลว่าสังโยชน์ทั้ง ๓ คือสักกายทิฏฐิ ก็คือความถือตัวถือตน วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย สีลัพพตปรามาส การรักษาศีลอย่างไม่จริงไม่จัง ก็ไม่สามารถที่จะร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสารได้

เราก็แค่ตั้งเป้าหมายว่า ถ้าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ก็แปลว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมดเพื่อพระนิพพาน เป็นจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนมาก เมื่อมาถึงตรงจุดนี้ ก็ต้องเอากำลังใจของเราเกาะพระนิพพานไว้ ถ้าไม่เคยชินในอุปสมานุสติ หาอะไรยึดเกาะได้ยาก ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด ว่านั่นเป็นพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่บนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน แล้วรักษาอารมณ์ภาวนาและพิจารณาของเราไปตามปกติ จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2014 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา