มีให้พระเณรเพ่นพ่านแถวศาลา
คราวหนึ่งในฤดูหนาว องค์ท่านคาดคั้นเอากับพระเวรศาลารูปหนึ่ง เมื่อเห็นพระองค์หนึ่งออกมาเที่ยวเพ่นพ่านอยู่แถวโรงน้ำร้อน นอกจากนี้ยังมีลักษณะเหมือนกับจะออกมาผิงไฟ เพื่อบรรเทาอาการหนาวอีกด้วย เพราะอยู่ใกล้บริเวณเตาเผาไฟ องค์ท่านคาดคั้นเอาอย่างหนักว่า
“เมื่อสักครู่นี้ เราเห็นพระมาเที่ยวเพ่นพ่านแถวโรงน้ำร้อน ดู ๆ จะมาผิงไฟนะ เราสั่งไว้ รู้กันแล้วไม่ใช่เหรอ ห้ามพระเณรออกมาเที่ยวเพ่นพ่านแถวศาลาโดยไม่จำเป็น และห้ามออกมาผิงไฟ เป็นพระหนุ่มเณรน้อยอยู่แท้ ๆ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีความอดทน เหยาะ ๆ แหยะ ๆ ไม่จริงจัง หาแต่ความสะดวกสบาย.. ปรนเปรอแต่กาย แต่ภายในใจกลับไม่มีสติ ไม่มีทีท่าแห่งการต่อสู้กับกิเลสในใจตนเลย พระที่เราเห็นนี้เป็นใคร บอกมานะ บอกให้หนีนะ ให้ออกจากวัดเราเดี๋ยวนี้”
ที่องค์ท่านเอาจริงเอาจังมากถึงเพียงนี้ ก็เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้บอกเตือนไว้หลายครั้งหลายคราแล้ว เมื่อออกมาพบเห็นพระทำผิดคำสั่งด้วยองค์ท่านเองเช่นนี้ ท่านจึงกล่าวอย่างเผ็ดร้อนขึ้นในทันที หากผู้ใดพบเห็นกิริยาของท่านในเวลานั้น จะเห็นประหนึ่งว่าพระเวรศาลาผู้นั้นกำลังถูกดุว่าอย่างรุนแรง แต่เมื่อได้กราบเรียนเหตุผลความจริงต่อองค์ท่านว่า ที่เห็นพระรูปนั้นออกมาโรงน้ำร้อนท่านมิได้ออกมาผิงไฟ ท่านออกมาทำข้อวัตรช่วยงานพระเวรศาลาเป็นครั้งคราว พอกราบเรียนเช่นนั้น องค์ท่านก็คลายการคาดโทษพระรูปนั้นทันที