ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-02-2019, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นิวรณ์คือเครื่องกั้นความดีอย่างหยาบทั้ง ๕ อย่าง ได้แก่ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศอย่างหนึ่ง พยาปาทะ ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นผูกใจเจ็บคนอื่นอย่างหนึ่ง ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติอย่างหนึ่ง อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน หงุดหงิด รำคาญใจอย่างหนึ่ง และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลปฏิบัติอย่างหนึ่ง ทั้ง ๕ อย่างนี้เป็นตัวขวางการปฏิบัติที่ใหญ่ที่สุด

คราวนี้ความอยากได้ใคร่ดีมากจนเกินไป จัดอยู่ในส่วนของอุทธัจจกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่าน ในเมื่อสภาพจิตของเรามีความฟุ้งเป็นปกติ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงตัวแนบนิ่ง เมื่อสภาพจิตไปต่อไม่ได้ ถอยออกมา ก็ยังไปบังคับให้ขึ้นหน้าใหม่ แล้วก็สงสัยว่าทำไมตนเองถึงดื้ออย่างนี้ ไม่ยอมภาวนา ไม่ยอมเอาดีอย่างที่ต้องการ

ความจริงเมื่อเราภาวนาไปจนสภาพจิตทรงตัวแล้ว สภาพของจิตก็จะคลายออกมาเองโดยอัตโนมัติ เพียงแต่ว่าเมื่อคลายออกมาแล้ว เราต้องรู้จักหางานให้จิตทำ ก็คือรีบเอาวิปัสสนาญาณให้จิตของเราทำ อย่างเช่นว่าพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ธรรมดามีความไม่เที่ยงอย่างนี้ ถ้าเราไปยึดถือมั่นหมายว่าเป็นเราเป็นของเรา ถึงเวลาไม่เป็นไปตามใจที่ต้องการ เราก็จะทุกข์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา