ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 12-01-2013, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,452 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราเคยถนัดมาแต่เดิม ถ้าใครไม่เคยภาวนามาก่อนให้ใช้คำว่าพุทโธ เพื่อความสะดวกและง่ายในการภาวนา หายใจเข้านึกว่าพุท ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกนึกว่าโธ ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อไร ให้ดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาของเรา

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือน และต้นปีของเรา ถือว่าเป็นการปฏิบัติกรรมฐานรับปีใหม่วันแรก เมื่อครู่นี้ได้ออกไปรดน้ำศพท่านเจ้าคุณไพบูลย์ (พระราชปริยัติโมลี) เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาโทของอาตมา ในช่วงที่เรียนปริญญาโทนั้น เพื่อนร่วมรุ่นได้ล้มหายตายจากไปหลายราย เริ่มจากพระครูเขมสีลาจาร เจ้าอาวาสวัดสรรเพชญ นครปฐม ตามมาด้วยพระมหามนูญ โชติปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบางหลวง ปทุมธานีซึ่งพระมหามนูญนี่ต้องถือว่าหนุ่มมาก เพราะอายุ ๓๐ กว่าปีเท่านั้นเองก็มรณภาพแล้ว แล้วก็มาท่านเจ้าคุณไพบูลย์ ที่เพิ่งรับปริญญาโทมายังไม่ทันจะครบปีก็มรณภาพแล้ว

ถ้านับเข้ามาเนื่องด้วยการปฏิบัติ ก็จะตรงกับคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสเอาไว้ว่า สัตว์โลกทั้งหลายเกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น ทุกชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า เราไม่อาจจะล่วงพ้นจากความตายไปได้ การระลึกถึงความตายจัดเป็นกรรมฐานใหญ่กองหนึ่ง เรียกว่ามรณานุสติกรรมฐาน การระลึกถึงความตายไม่ใช่ทำให้จิตใจเศร้าหมองหดหู่ แต่เป็นการที่สภาพจิตยอมรับความเป็นจริง ว่าธรรมดาของร่างกายต้องเป็นเช่นนี้ เกิดมาแล้วก็แปรปรวนไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังไป

ดังนั้น..การระลึกถึงมรณานุสติ เป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นพุทธิจริต คือต้องประกอบไปด้วยปัญญา ถึงจะรู้เห็นความเป็นจริงและยอมรับได้ สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไปแล้วมักจะไม่ค่อยยอมรับ และพยายามหลีกเลี่ยง..หลีกหนี ไม่ยอมรับรู้ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ด้วยความกลัวตายเป็นเหตุ ความจริงการกลัวตายนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เราเป็นคนรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ประมาท แต่การเกิดมาไม่ว่าจะเป็นคนเป็นสัตว์ ในเมื่อต้องพบกับความตาย เราก็ต้องมีการเตรียมพร้อม เพื่อที่ถึงเวลาตายแล้ว อย่างน้อย ๆ จะได้ไปสู่สุคติก็คือภพภูมิที่ดี อย่างเช่นได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีความสุขความสบาย มีความทุกข์น้อย ได้เกิดเป็นรุกขเทวดา ภูมิเทวดา อากาศเทวดา ได้เกิดเป็นรูปพรหมหรืออรูปพรหม ตามกำลังความดีที่เราทำมา เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา