ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-05-2018, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,074 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ เมื่อสักครู่นี้ตอนตอบปัญหา มีบางท่านที่ถามเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ซึ่งวิชามโนมยิทธินั้น จะว่าไปแล้วเป็นวิชาที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าทำให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง ถ้าใช้ถูกวิธีจะเป็นการตัดกิเลสที่ง่ายที่สุด แต่เท่าที่พบเห็นมาส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๙ ขึ้นไปใช้ผิดทั้งสิ้น

ในเรื่องของการใช้มโนมยิทธินั้น อันดับแรก เราต้องสร้างมโนมยิทธิซึ่งก็คือทิพจักขุญาณขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเมื่อซักซ้อมคล่องตัวแล้ว ก็ใช้ทิพจักขุญาณไปกำหนดรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างเช่นว่า

รู้อดีต เรียกว่า อตีตังสญาณ
รู้อนาคตเรียกว่า อนาคตังสญาณ
รู้ว่าปัจจุบันนี้ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร เรียกว่า ปัจจุปปันนังสญาณ
ระลึกชาติได้ เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ
รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน เรียกว่า จุตูปปาตญาณ
รู้ว่าคนเราทำดี ทำชั่วแล้วจะได้รับผลอย่างไร เรียกว่า ยถากัมมุตาญาณ
ถ้าท้ายสุด พยายามชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลส ถ้าทำได้ เรียกว่า อาสวักขยญาณ
ก็แปลว่าญาณทั้ง ๗ อย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลของทิพจักขุญาณทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2018 เมื่อ 09:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา