ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 12-02-2012, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,504 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเราไม่กลัว เอาสติกำหนดตามดูตามรู้อยู่ว่าขณะนี้อาการเป็นอย่างนั้น สภาพจิตก็จะดำเนินต่อไป คล้าย ๆ กับว่ารวบเข้ามา ๆ จนสว่างโพลงอยู่จุดใดจุดหนึ่งเฉพาะหน้า อาจจะเป็นตรงหน้าของเราก็ได้ ในอกก็ได้ หรือบางทีเหนือศีรษะก็ได้

ความสว่างไสวนั้นสว่างจนบอกไม่ถูก ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยง แต่เป็นความสว่างที่เยือกเย็น ไม่ใช่ความสว่างที่ร้อนแบบแสงอาทิตย์ ความสว่างไสวสดใสเจิดจ้านั้นจะอยู่เฉพาะหน้าของเรา ตอนช่วงนั้นประสาทความรู้สึกของร่างกายจะโดนตัดขาดไปแล้ว ก็คือสภาพจิตส่วนจิต ร่างกายส่วนร่างกาย เมื่อประสาทเชื่อมโยงไม่ถึงกัน สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับร่างกายเราก็ไม่รับรู้ เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว

เสียงปืน เสียงประทัด เสียงระเบิดดังอยู่ข้างหู เสียงฟ้าผ่าลงมาข้างหู ก็ไม่ได้ยิน สภาพของร่างกายเหมือนกับไม่หายใจแล้ว แต่ความจริงยังมีลมละเอียดที่เรียกว่าปราณ วิ่งอยู่ระหว่างจมูกกับสะดือ สำหรับบุคคลที่ทำถึงระดับนี้จะเห็นว่าปราณเส้นนี้นั้น ใหญ่โตแข็งแรงมั่นคงมาก แต่ความจริงแล้วลักษณะเหมือนเส้นด้ายละเอียด ใส ๆ เหมือนกับสายเอ็นเบ็ดตกปลา ถ้าหากว่าสายนี้ขาดก็คือหมดลมตายไปเลย

แต่ถ้าตราบใดสายเชื่อมโยงปราณเส้นนี้ยังอยู่ ก็จะไม่ตาย ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าทำมาถึงจุดนี้ไม่ต้องไปหวาดกลัว เพราะตอนนั้นสติสมาธิของเราจะละเอียดมาก ลมปราณละเอียดเล็ก ๆ นี้ เราจะรู้สึกว่าใหญ่โตเกาะติดได้มั่นคงมาก ถ้าอาการอย่างนี้เกิดขึ้นให้รู้ว่า นี่เป็นอาการของความเคยชินขั้นที่ ๔ สมาธิขั้นที่ ๔ หรือเรียกตามบาลีว่าจตุตถฌาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2012 เมื่อ 08:40
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา