จากนั้นก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า การเกิดมาในโลกนี้หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง และตายไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกซึ่งมีความทุกข์เช่นนี้ หาความเที่ยงไม่ได้เช่นนี้ มีความตายเป็นปกติเช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
ถ้ากำลังใจของเราทรงตัวตั้งมั่นดังนี้แล้ว ก็ให้ย้อนกลับมาดูสมาธิภาวนาของเรา ก็คือลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดดูลมหายใจของเราไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดรู้คำภาวนาของเราไป ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดดู กำหนดรู้ไว้อย่างนั้น
เอาใจจดจ่อแน่วแน่ว่า เรากำลังปฏิบัติความดีอยู่ ถ้าหมดอายุขัยตายลงไปขณะนี้ก็ดี เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ให้กำหนดกำลังใจเอาไว้อย่างนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๕
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 03:31
|