พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมคนหนึ่งที่พ่อแม่เขาพาไปวัด มีปัญหาเพราะเขาพูดคนละภาษากัน คนหนึ่งเอาแต่ภาษาธรรม ส่วนอีกคนเอาแต่ภาษาโลก ไปด้วยกันไม่ได้ คราวนี้หลวงปู่มหาพล วัดเขื่อนท่าทุ่งนา ท่านก็เลยโทรศัพท์มา “อาจารย์เล็ก...รบกวนหน่อยเถอะ เรื่องนี้เกินกำลังผมแล้ว” อาตมาจึงนัดท่านไปที่วัดท่าขนุน โยมชุดนี้เป็นลูกศิษย์ท่านอยู่
พ่อเขาเป็นคนเริ่มก่อน “ถ้ามีอะไรจะคุยเป็นการส่วนตัว เดี๋ยวผมกับแม่ออกไปก่อนก็ได้” อาตมาก็เลยบอกลูกเขาว่า “สิ่งที่เราพูด คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็ว่าเราบ้า” คนเป็นลูกบอกว่า "ทำไมต้องไปสนใจร่างกายนี้ด้วย มีแต่ของเน่า ๆ แล้วทำไมต้องไปคอยดูแลผูกพันอยู่กับลูกด้วย เมื่อถึงเวลาก็ต่างคนต่างไป" เวรกรรม..! คนทั่วไปฟังจะรู้เรื่องไหม ?
อาตมาบอกเขาไปว่าต้องทำตัวอย่างไร "เรายังอยู่กับโลก เราต้องเคารพสมมติทางโลกเขาด้วย การที่เราทำ เราวางได้ก็จริง แต่เป็นการวางใส่หัวคนอื่นเขา คนอื่นเขายังรับไม่ได้ ถึงเวลาเขาตำหนิ เขาด่าว่าขึ้นมา ก็เป็นโทษใหญ่แก่เขา ร่างกายของเราสร้างทุกข์สร้างโทษให้แก่คนอื่น พ่อแม่ถึงแม้จะเป็นคนละบุคคลกัน ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถึงเวลาต่างคนต่างตายก็จริง แต่ถ้าไม่มีพ่อแม่ เราก็ไม่ได้เกิดมา ในเมื่อไม่มีพ่อแม่ เราไม่ได้เกิดมา แล้วเราจะรู้เห็นธรรมะในส่วนนี้ไหม ? " ต้องค่อย ๆ คุยกับเขา ท้ายสุดคิดว่าพูดกันรู้เรื่องแล้วเชียวนะ เห็นพ่อแม่กลับไปคืนดีกันได้ แต่ที่ไหนได้...คนเป็นลูกหันมาบอกว่า จะพาลูกของตนไปบวชเณร อาตมาก็ว่าเดือดร้อนตูอีกแน่ ๆ เลย..!
สิ่งที่เขาพูดมาใช่ทั้งหมดนั่นแหละ แต่คนที่ยังรับไม่ได้ เขาจะฟังไม่เข้าใจหรอก แล้วก็หาว่าลูกบ้า พ่อจะเข้าใจง่ายกว่าแม่ พ่อเขาบอกว่า “อย่างนี้นะครับท่านอาจารย์ สรุปว่าลูกผมปกติใช่ไหม ?” อาตมาก็บอกว่าปกติ อาการของคนที่ปฏิบัติในตอนแรก ๆ จะยังปรับตัวเข้ากับทั้ง ๒ ฝั่งไม่ได้ จะเป็นอย่างนี้แหละ ต้องรอเขาปรับตัวไประยะหนึ่ง เขาก็ว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็โล่งใจ”
แต่คนเป็นแม่ไม่ยอม “เขาบอกว่าเขาตัดหนูได้ตั้ง ๒ ปีแล้ว เป็นไปได้อย่างไร มาตัดแม่ตัดลูกกัน.!” โอ๊ย...โกรธเสียไม่มี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:07
|