ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 14-07-2009, 16:55
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 663
ได้ให้อนุโมทนา: 26,519
ได้รับอนุโมทนา 88,284 ครั้ง ใน 1,256 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๖๒ : คาถาเงินล้าน

๖๒. คาถาเงินล้าน

วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานีนั้น เมื่อสองปีก่อนหนังสือพิมพ์บ้านเมืองประเมินราคาสิ่งก่อสร้างว่า ต้องใช้เงินประมาณสี่พันล้านจึงจะสร้างได้ขนาดนี้ ถ้าถามว่าเอาเงินมาจากไหนมามากมายขนาดนี้ ก็เห็นทีต้องคุยกันยาวหน่อย... ตามที่หนังสือพิมพ์ก็ดี วิทยุ โทรทัศน์ก็ดี เรียกวัดนี้ว่าวัดพันล้านก็ไม่ได้เกินจริงเลย หากแต่เขาคำนวณราคาตามที่สายตาเห็น แต่เวลาสร้างจริง ๆ ราคาไม่ถึงนั้น ตัวอย่างเช่นศาลาสองไร่ สถาปนิกคำนวณ ๑๒๐ ล้านบาท หลวงพ่อเห็นว่าแพงไป ขอสร้างเองตามแบบฉบับของท่าน ปรากฏว่าใช้เงินแค่เจ็ดล้านกว่าก็สร้างสำเร็จ... เหตุเพราะปูนก็ดี เหล็กเส้นก็ดี หลวงพ่อสั่งตรงจากโรงงานทีละเป็นร้อย ๆ ตัน จึงได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด วัสดุก่อสร้างอื่นก็เช่นกัน และหลวงพ่อควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด โอกาสจะทุจริตเลยไม่มี ประหยัดไปได้มหาศาล ดังนั้นเมื่อสองปีก่อนหลวงพ่อแจ้งยอดการก่อสร้างว่า ใช้เงินไปประมาณสามร้อยยี่สิบห้าล้านบาทเท่านั้น... เงินสามร้อยกว่าล้านถ้าเป็นงบประมาณแผ่นดิน นับว่าเล็กน้อยเหลือเกิน แต่ถ้ามาคิดว่านี่เป็นเงินที่วัดต่างจังหวัดวัดหนึ่ง ใช้เป็นงบประมาณก่อสร้างเท่านั้น ก็ต้องคิดหนักเสียแล้วว่าเงินมหาศาลขนาดนั้น ต้องเกิดจากศรัทธาญาติโยมจำนวนมหึมาขนาดไหน อะไรเป็นเหตุให้หลวงพ่อมั่นใจจนถึงกับกล้าเป็นหนี้เขาทีละห้า – หกล้าน ในการสั่งของล่วงหน้าแต่ละที...

หลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ ๆ มีเงินติดย่ามมาร้อยเดียว “เงินร้อยสมัยปี ๒๕๑๑ มันหายากนะ...” ท่านใช้คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมกับทำงานก่อสร้างไปเรื่อย มี “พระ” ท่านมาบอกคาถามหาลาภซึ่งทางวัดพนัญเชิงเขาเคยใช้ เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงรูปแรกใช้ภาวนาอยู่สามปี วัดนั้นจึงมีลาภมากมาจนทุกวันนี้ หลวงพ่อก็ว่าของท่านเรื่อยไป...

มาปีหนึ่งกำลังบวงสรวงอยู่ “พระ” ท่านบอกคาถาอีกบทว่าเป็นคาถาเงินแสน พอหลวงพ่อใช้ดู ปีนั้นกฐินได้เงินแสนกว่า สมัยนั้นจะหาสักหมื่นยังยากเลย ปีถัดมา “พระ” ก็บอกอีกบทว่าเป็นคาถาเงินล้าน ให้ว่าต่อเนื่องกับบทก่อนแล้วลงท้ายด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ปรากฏว่าได้เงินเป็นล้านจริง ๆ และรายรับดีขึ้นทุกทาง จึงกล้าเป็นหนี้เขาทีละมาก ๆ

ต่อมาหลวงพ่อรวบรวมคาถาต่าง ๆ เป็นบทเดียว พิมพ์แจกเป็นของขวัญปีใหม่ปี ๒๕๒๘ ท่านบอกว่าเป็นเพราะ “ท่านย่า” กับ “ท่านแม่” ไปช่วยขอความกรุณาจาก “พระ” ว่าในปี ๒๕๒๘ นั้นสถานการณ์ด้านต่าง ๆ จะเครียดมาก ถ้าลูกหลานไม่มีความคล่องตัว ก็ช่วยเหลือหลวงพ่อได้ไม่เต็มที่ การก่อสร้างของวัดจะชะงักลง “พระ” ท่านจึงอนุญาตให้บอกคาถาเหล่านี้แก่ญาติโยมได้...

“พระ” ท่านว่า คาถานี้ทุกคนต้องทำด้วยความเคารพ ถ้าไม่เคารพจะไม่มีผล คาถาว่าดังนี้

นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ
พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปฏิจฉามิ

พออาตมาได้คาถามาก็ท่องวันละ ๙ จบทุกวัน รู้สึกตัวเลยว่า รายรับ – รายจ่าย คล่องตัวมาก การส่งเสียให้น้องสาวสองคน หลานอีก ๑ คนเรียนนั้น รู้สึกไม่หนักใจ ปีนั้นน้องเรียนจบ ปีถัดมาอาตมาก็บวช คราวนี้เห็นผลของคาถาชัดมาก หลวงปู่มหาอำพันกล่าวว่า “คุณเป็นเนื้อนาบุญแล้วนี่ บุญใหญ่มาหนุน ลาภผลก็มากซิ...

หลวงพ่อสอนพระเวลาออกบิณฑบาตว่า ก่อนจะไปบิณฑบาตให้ทรงกำลังใจให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อผลใหญ่จะได้เกิดแก่ญาติโยมที่ให้การสงเคราะห์เรา อาตมาเล่นด้วยคาถาเงินล้านนี่แหละ แต่เพิ่มเป็นสามสิบจบ ว่าให้ช่ำปอดก่อนแล้วจึงออกบิณฑบาต ระหว่างเดินก็ว่าไปเรื่อยจนกว่าจะครบสามสิบ...

อยู่มาวันหนึ่ง อาตมาตื่นตีสามตามปกติ ก็ว่าคาถาซะ ๑ จบก่อนจะไปสรงน้ำ ทำกรรมฐาน พอว่าจบลืมตาขึ้นมา ฟ้าสว่างโร่เลย...! คว้าบาตรออกบิณฑบาตแทบไม่ทัน เดินงงไปตลอดทาง เราไม่ได้หลับ สติไม่ขาดไม่เคลิ้ม อารมณ์ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว รู้ตัวตลอดเวลา ทำไมคาถาสั้น ๆ บทเดียวใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง...!

รุ่งขึ้นลองดูอีกที คราวนี้ได้ตั้งสามจบแน่ะ...! ตั้งแต่นั้นมา ทั้ง ๆ ที่บวชใหม่นั่นแหละ ลาภผลเงินทองไม่รู้ว่าไหลมาเทมาจากไหน รับกันไม่หวาดไม่ไหว ใครจะทำบุญสุนทานอะไร ร่วมกับเขาทุกรายการ รายการละไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ บาท ช่วยเป็นเจ้าภาพบวชพระ – บวชเณรเป็นว่าเล่น ถวายสังฆทานแทบทุกเดือน ใครเดือดร้อนเรื่องเงินละมาได้เลย...

เงินมาเป็นเทออก ยิ่งเทก็ยิ่งมา อาตมาเพิ่มจากวันละสามสิบจบ เป็นวันละหนึ่งร้อยยี่สิบจบ เชื่อหรือไม่ว่า ให้ความคล่องตัวขนาดอาตมาขึ้นรถฟรีแทบทุกคัน คือถ้าเราไม่ยัดเยียดให้เขาจริง ๆ เขาก็ไม่รับ ขนาดพระกับพระนั่งไปด้วยกัน เขาเก็บค่ารถรูปอื่น เว้นอาตมาไว้รูปเดียว ยัดให้เขาก็ไม่รับ จะไปไหนแทบจะไม่ต้องพกเงินเลย...

จากร้อยยี่สิบจบเพิ่มเป็นสามร้อยจบ คราวนี้อาหารการกินก็พลอยฟรีไปด้วย บางทีทนไม่ไหวบอกเขาว่า “อาตมามีเงินนะโยม” เขาก็บอกว่า “ผมถวายครับ” “หนูถวายเจ้าค่ะ” เคยทำสถิติจากอุทัยธานีมากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ - กลับอุทัยธานี ระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ นั่งแท็กซี่อย่างเดียว ปรากฏว่าสิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามบาท...! สามบาทจริง ๆ...!

พยายามจะใช้เงินให้หมดก็ไม่มีวันหมด ลองถึงขนาดสามทุ่มซื้อน้ำหวานถวายพระจนหมดตัว สี่ทุ่มเขาเรียกไปสวดศพรับเงินมาจนได้ จะไปธุดงค์เทกระเป๋าทำบุญเกลี้ยง ก็มีคนตามถวาย หมดเมื่อไรได้ทันที เขาถวายจนระอาใจ ต้องพกเงินไปธุดงค์ด้วย ทุเรศตัวเองชะมัดเลย...

มาถึงตอนนี้ อาตมาหมดความสงสัยโดยสิ้นเชิง ของอะไรทำจริงย่อมได้ผลจริง หลวงปู่มหาอำพันท่านบอกว่า “เรื่องวัตถุทางโลก ผมไม่หนักใจเลย” ท่านพลางชี้ให้ดูอาหารที่มากมายจนล้นโต๊ะ กินไม่ไหวใช้ไม่หมด “ถ้าเรามีความเชื่อมั่นในอานุภาพพระรัตนตรัยจริง ๆ ต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น...

ครับ...หลวงปู่กล่าวชอบแล้วทุกประการ นอกจากจะได้แล้ว ยังได้มากเสียด้วย ใครจะคิดถึงว่าขนาดอยู่กลางป่ากลางดงยังกินไม่ไหว ใช้ไม่หมด สามารถเลี้ยงพระ - เณรจนอิ่มหนำ ซ้ำยังเหลือเผื่อหมาอีกเยอะแยะ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นเป็นอัปปมาโณ หาประมาณมิได้จริง ๆ...!

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 15-07-2009 เมื่อ 08:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 273 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา