ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 03-10-2012, 10:08
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ข้อเท็จจริง

๑. ผมกับท่านหญิงวิภาวดีรังสิต ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย (ในชาตินี้) จนกระทั่งหลวงพ่อท่านแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ที่บ้านรับรองในจวนผู้ว่าการจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อผมทำความเคารพท่านแล้ว ท่านรับสั่งว่า “ความรู้สึกของหญิง บอกหญิงว่า หญิงไม่ได้เพิ่งเคยรู้จักคุณหมอ หากแต่รู้จักกันมาไม่รู้กี่ชาติ ๆ แล้ว

๒. ในวันนั้น ท่านหญิงรับสั่งให้ผมเข้าพบในตำหนัก หรือวังส่วนพระองค์ซึ่งปลูกอยู่ในบริเวณจวนผู้ว่า พร้อมทั้งรับสั่งเรื่องของพระองค์ให้ผมฟังอย่างสนิทสนม และไม่ถือองค์เลย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเคารพและยำเกรงพระองค์ท่านมากขึ้น ต้องคอยระวังตัวพร้อม กาย วาจา ใจ ไม่ให้บกพร่องเป็นกรณีพิเศษ

๓. ดังนั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมจึงเสมือนคนสนิทของท่าน และเป็นที่สนทนากึ่งธรรมปฏิบัติของท่าน (ทั้ง ๆ ที่การปฏิบัติของผมในขณะนั้น ยังไม่มีอะไรเลยที่จะไปเปรียบกับท่านได้)เมื่อตื่นบรรทมแต่เช้า ก่อนหลวงพ่อฉันอาหารเช้า พระองค์จะรับสั่งกับผมทุกเช้า ถึงการปฏิบัติของท่านในตอนกลางคืน

๔. ผมสังเกตว่า ธรรมของพระองค์ท่านเปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ วัน ไม่มีซ้ำกัน เช่น เมื่อเจริญอานาปานุสติ (กำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก) แล้วก็เข้าสู่ปีติ ปีติทั้ง ๕ อย่างพระองค์ได้หมด ที่เขียนเช่นนี้ เพราะหลังจากท่านรับสั่งกับผมแล้ว ก็จะถามหลวงพ่อตรงอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง หลังจากนั้นแล้วก็ไม่เกิดปีติอีก พอเริ่มปฏิบัติ จิตจะรวมตัวเป็นหนึ่ง แล้วเข้าสู่การพิจารณาขันธ์ ๕ เลย (วิปัสสนา) และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ใช้วิปัสสนาหรือด้านการพิจารณาทางปัญญาตลอดมา (ผมเขียนตามสัญญา หรือความจำที่ผมฟังการสนทนาระหว่างท่านกับหลวงพ่อ)

๕. ทุกครั้งที่ออกหน่วยโดย ฮ. หากผมไปด้วย พระองค์จะประทับติดกับผมเสมอ และเรื่องที่รับสั่งล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธรรมะเกือบทั้งสิ้น แม้ระหว่างเดินเยี่ยมตามฐานของตำรวจและทหาร หากมีเวลาส่วนองค์ จะรับสั่งเรื่องการปฏิบัติธรรมในตอนกลางคืนให้ผมฟังเสมอ เรื่องที่ท่านรับสั่งเป็นปกติคือทุกข์ เพราะทุกข์ทั้งหลายล้วนมาห้อมล้อมใจของพระองค์ ทั้งเรื่องภารกิจของชาติและประชาชน ทางเรื่องครอบครัว และเรื่องส่วนองค์อื่น ๆ พระองค์ไม่เคยปิดบังอะไรเลย เล่าให้ฟังหมด จนพระองค์เองก็แปลกใจ ต้องไปถามหลวงพ่อ (เมื่ออยู่กันเฉพาะแค่ ๓ คือ หลวงพ่อท่าน ท่านหญิง และผม) ว่า หญิงกับหมอนี่เคยเป็นอะไรกันนะ หญิงมีความลับอะไรต้องบอกคุณหมอหมดเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยบอกความลับเช่นนี้กับผู้อื่นมาก่อน แม้พระองค์จะทุกข์แค่ไหนและอย่างไร ท่านก็ไม่เคยยอมแพ้ กลับเอาทุกข์นั้นมาพิจารณาด้วยปัญญาให้เข้าสู่อริยสัจหมด ท่านรับสั่งกับผมว่า “แม้หญิงจะทุกข์ขนาดไหน หญิงก็ไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อมหวั่นไหว หญิงเอาทุกข์เหล่านั้นมาพิจารณาเป็นอริยสัจหมด” คือ เห็นทุกข์ทั้งหลายที่มากระทบใจนี้เป็นของธรรมดา ที่ท่านรับสั่งกับผมแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งเดียว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2012 เมื่อ 10:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา