ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-12-2010, 01:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นได้ว่า นอกจากองค์สมเด็จพระทศพลแล้ว บุคคลที่จะมอบกรรมฐานให้ตรงจริตของเรานั้น หาได้ยากมาก เพราะว่าถ้าไม่ใช่สาวกวิสัยแล้ว ก็มีแต่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วเท่านั้น ที่สามารถจะบอกกรรมฐานที่ตรงกับจริตของเราได้

ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ปฏิบัติตามสายของหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงนั้น มักจะมาจากพุทธภูมิแทบทั้งสิ้น เมื่อแต่เดิมปรารถนาพระโพธิญานมา ก็ย่อมเป็นพุทธวิสัย จึงมีแต่องค์สมเด็จพระจอมไตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะมอบกรรมฐานที่ตรงกับจริตให้ได้

ดังนั้น..เมื่อญาติโยมมาถาม อาตมาจึงได้แต่คิดว่า ถ้าเป็นดังนี้ โอกาสที่จะหลงทางมีแล้ว เพราะถ้าไปถามเปะปะที่อื่น อาจจะได้รับคำบอกกล่าวมาผิด ๆ ก็ได้ แต่ถ้าเรายึดหลักที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วให้ไว้ ก็คืออานาปานุสติควบกับพุทธานุสติแล้ว โอกาสที่จะหลงพลาดเสียเวลาไปก็มีน้อย

เนื่องจากว่า อานาปานุสติ คือลมหายใจเข้าออก และพุทธานุสติ การระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกรรมฐานกลาง เหมาะแก่ทุกจริต โดยเฉพาะอานาปานุสติเป็นพื้นฐานใหญ่ของนักปฏิบัติทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นจริตใดก็ตาม ไม่สามารถที่จะทิ้งอานาปานุสติได้ เพราะถ้าทิ้ง กำลังสมาธิจะไม่ทรงตัว ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะไปใช้ในการพิจารณาตัดกิเลส

ส่วนพุทธานุสตินั้น บุคคลที่ปฏิบัติจะมีโอกาสเข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไม่อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน ถ้าเรากำหนดพระนามท่าน ก็ให้รู้ว่าท่านอยู่บนพระนิพพาน ถ้าเรากำหนดภาพพระองค์ท่าน ก็ให้รู้ว่าพระองค์ท่านอยู่บนพระนิพพาน เท่ากับว่าเราเอาใจอยู่กับพระนิพพานไปในตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2010 เมื่อ 02:56
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา