ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 04-11-2014, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(ไม่ชัด) ก็คือกาย วาจา ใจของเรายังเป็นโทษให้กับคนอื่นเขาอยู่หรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่าถึงเวลาคนโน้นถากมา คนนี้ก็แทงไป การกระทบกระทั่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ชีวิตก็หาความสงบสุขไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เสียทีที่มาปฏิบัติธรรม อย่างวันนี้พวกเราออกไปช่วยกันตามเก็บอาหารบิณฑบาต แค่ ๖ คนเดินเต็มถนนจนรถไปไม่ได้ ไม่รู้สึกเลยหรือว่าตัวเองกำลังทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ? แสดงว่าขาดสติเป็นอย่างมาก ฉะนั้น..ต้องอยู่วัดสัก ๗-๘ พรรษา จะได้ฝึกตัวเองให้ดีกว่านั้น

หลายต่อหลายอย่างไม่ใช่ต้องรอให้ครูบาอาจารย์มาจ้ำจี้จ้ำไช มาแนะนำสั่งสอน เราไม่ใช่เด็กหัดใหม่ ที่ต้องจับมือเขียน ก.ไก่ ทีละตัว ต้องรู้จักสังเกตแล้วก็จำ หลังจากนั้นก็นำไปปฏิบัติ ถ้าพวกเราเคยฟังเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่แสดงธรรมเทศนาเอาไว้ในวาระต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการสอนธรรมนำปฏิบัติ ท่านจะบอกอยู่เสมอว่า “ฟังแล้วจำ จำแล้วคิด คิดแล้วนำไปปฏิบัติด้วย”

ฉะนั้น..สิ่งที่เราทำอยู่ทั้งหมด ถ้าเรายังมีสติไม่สมบูรณ์ การกระทำของเราด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็ยังก่อทุกข์ก่อโทษแก่คนอื่นเขาอยู่ การก่อทุกข์ก่อโทษให้แก่ผู้อื่นหรือตัวเองก็ตาม เท่ากับว่าสร้างแดนเกิดให้กับตัวเอง เพราะว่าไปสร้างกรรมคือการกระทำเกิดขึ้นแล้ว กรรมนั้นย่อมผูกมัดเราอยู่ การผูกมัดเราอยู่ก็ต้องมีที่ผูกเราไว้ สถานที่ ๆ ผูกเราไว้ภาษาบาลีเรียกว่า ภวะ หรือ ภพ หรือว่าแดนเกิดของเรานั่นเอง ทำให้ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2014 เมื่อ 12:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา