ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 27-06-2011, 10:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,311 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่มีบุคคลบางจำพวกที่สมาธิเริ่มทรงตัวในระดับหนึ่งแล้ว ทันทีที่คิดภาวนา สมาธิก็จะวิ่งเข้าไปสู่ระดับที่ตนเองชำนาญ ทำให้บางท่านรู้สึกว่าเหมือนกับตนเองบังคับลมหายใจเข้าออก นั่นขอยืนยันว่าไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นความคล่องตัวในการทรงสมาธิของตน ทำให้ก้าวสู่ระดับสมาธิที่สูงขึ้นไปจากปกติได้ทันที จึงทำให้รู้สึกเหมือนกับลมหายใจเบาลง โดยที่เราไปบังคับให้เบา แต่ไม่ใช่..นั่นเบาเพราะเรามีความคล่องตัวในการปฏิบัติต่างหาก

เมื่อศีลของเราทรงตัว สมาธิตั้งมั่นแล้ว จะอยู่ในลักษณะดำเนินไประยะหนึ่ง และสมาธิก็จะคลายออกมาเอง ไปต่อไม่ได้แล้ว ยืนระยะไม่อยู่แล้ว เมื่อสมาธิคลายออกมาให้เรารีบพิจารณาวิปัสสนาญาณ ก็คือ อย่างน้อย ๆ ต้องเห็นว่าสภาพร่างกายของเราก็ดี สภาพร่างกายของคนอื่นก็ดี วัตถุธาตุสิ่งของทั้งหลายในโลกนี้ก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด

ระหว่างที่ดำรงอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างก้อนหิน ต้นไม้ เรือนโรง ก็ยังมีสภาวทุกข์ คือ ค่อย ๆ เสื่อมไปตามสภาพ และท้ายสุดก็ไม่มีอะไรทรงตัวให้ยึดถือมั่นหมายได้ เสื่อมสลายตายพัง คืนเป็นสมบัติของโลกไปตามเดิม

เราต้องพิจารณาดังนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก โดยเบื่อหน่ายไม่ได้ จนกว่าสภาพจิตจะยอมรับอย่างแท้จริง รู้เห็นอย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างนั้น เมื่อเราคิดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราเมื่อไร สภาพจิตจะไม่เถียงเลย มีแต่ยอมรับโดยส่วนเดียว ถ้าเป็นดังนี้จึงจะถือว่าใช้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2011 เมื่อ 14:39
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา