ชื่อกระทู้: กำลังใจไม่ดี
ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 01-12-2011, 11:16
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,550 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. “ให้ตรวจสอบสภาวะจิตของตนเองว่า ทำไมต้องไปทุกข์กับขันธ์ ๕ ของผู้อื่น ให้ศึกษาสัทธรรม ๕ ให้ละเอียด พิจารณาบ่อย ๆ จะทำให้จิตยอมรับความจริงในสัทธรรมทั้ง ๕ นี้อย่างจริงใจ มิใช่รู้แค่สัญญาอันเป็นอนิจจาอยู่เสมอ ต้องพิจารณาเนือง ๆ จนจิตเกิดปัญญายอมรับ ไม่ฝืนความจริงของกาย ว่าทุกคน ทุกภพ ทุกชาติที่เกิดมามีร่างกาย ก็จักต้องพบความจริงอันเป็นอริยสัจอยู่อย่างนี้ ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้ คือเกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องป่วย ต้องตาย ระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องพบกับอารมณ์พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง มีความปรารถนาไม่สมหวังอยู่เป็นธรรมดา จักต้องพบกับการพลัดพรากจากของรักของชอบใจอยู่เป็นธรรมดา ธรรมทั้ง ๕ ประการนี้ล้วนทำให้จิตเป็นทุกข์ แม้เราไม่ต้องการมัน แต่ก็หนีมันไม่พ้นทุกคน จุดนี้จึงต้องอาศัยปัญญาพิจารณา ให้จิตยอมรับความจริงหรืออริยสัจทั้ง ๕ นี้ให้ได้อย่างจริงใจ จึงจักเป็นการรู้ด้วยปัญญาอย่างแท้จริง สัญญาก็หมดไปโดยอัตโนมัติ”

๖. “อุบายในการพิจารณาเพื่อละ ปล่อยวางขันธ์ ๕ หรือสักกายทิฏฐิ ซึ่งแปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับร่างกาย หรือขันธ์ ๕ มีอยู่มากมายหลายวิธี แต่ทุกอุบายก็หนีไม่พ้นกายคตานุสติ ซึ่งเป็นมหาสมุทรแห่งธรรม ซึ่งทุกคนที่เกิดมาก็มีอยู่แล้วทุกคน เพราะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็ทรงตรัสสอนอยู่แค่กายกับจิต หากเข้าใจแล้วก็จักไม่ต้องไปหาธรรมนอกตัวเรา ไม่ต้องไปยุ่งกับจริยาของผู้อื่นอีกต่อไป เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ การส่งจิตออกนอกตัวเป็นการหาทุกข์ เพิ่มทุกข์ให้กับจิต การเอาจิตอยู่กับตัว.. เป็นการหาทางพ้นทุกข์ได้อย่างประเสริฐสุด เช่น พิจารณาว่าร่างกายที่เห็นกันอยู่นี้ เป็นของใครก็ไม่ทราบ เพราะมันเป็นสมบัติของโลก ซึ่งไม่มีใครสามารถเอาไปได้ หรือร่างกายที่เห็นอยู่นี้ไม่ว่าของเราหรือของใคร ก็ประกอบขึ้นมาด้วยธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเสื่อมไปในท่ามกลาง มีความสลายตัวไปในที่สุด ให้มองและพิจารณาจุดนี้อยู่เสมอ เพื่อให้จิตทรงตัว จักได้คลายความเกาะติดร่างกายของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งสัตว์และวัตถุธาตุด้วย แล้วให้พิจารณาจุดละเอียดลงไปอีกให้ยิ่งกว่านี้ คือเรื่องอารมณ์ของจิต ให้ดูกรรมที่เกิดอกุศล-กุศลหรือไม่เป็นกุศล-ไม่เป็นอกุศล ใช้สติ-สัมปชัญญะกำหนดรู้อยู่อย่าให้ขาด พยายามรู้เข้าไว้แล้วสักวันหนึ่ง การตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานก็จักเป็นของพวกเจ้าได้ แล้วจงอย่าทิ้งอานาปานุสติ เพราะจุดนี้เป็นตัวโยงให้เกิดกิเลส-สัมปชัญญะได้สมบูรณ์ ที่พวกเจ้ายังร้อนไปด้วยไฟปฏิฆะอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะขาดอานาปาฯ”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา