ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 25-10-2015, 18:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,501
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,781 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๘

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดและชื่นชอบมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เมื่อครู่ที่ได้กล่าวว่า การปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะบกพร่องในส่วนของวิริยบารมีและขันติบารมี โดยเฉพาะบุคคลรุ่นใหม่ ๆ ที่มักจะใจร้อน ใจเร็ว ทำให้ขาดความพากเพียรและความอดทน

คราวนี้ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น ถ้าจะว่าไปแล้วก็คือต้องทำให้หวังผล การที่เราหวังมรรคหวังผลในการปฏิบัติธรรมนั้น ในช่วงสุดท้ายก็เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสังโยชน์ ๑๐ กับบารมี ๑๐ ก็คือ ทำอย่างไรที่เราจะสร้างบารมี ๑๐ ให้เต็ม ทำอย่างไรที่เราจะละสังโยชน์ ๑๐ ให้ได้

ในส่วนของบารมี ๑๐ ทั้งหลาย หลายท่านก็ได้ไปหลายข้อแล้ว คำว่าได้ในที่นี้ คือ ไม่มีความหนักใจที่จะประพฤติปฏิบัติ อย่างเช่น ในส่วนของทานบารมี ศีลบารมี เมตตาบารมี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราประพฤติปฏิบัติกันจนเป็นปกติ จนลืมไปแล้วว่าเราปฏิบัติอยู่ในบารมี ๑๐

ส่วนของเนกขัมมบารมีก็มีหลายท่านที่ปฏิบัติในศีล ๘ เป็นปกติ ปัญญาบารมีของท่านทั้งหลายก็เห็นอยู่แล้วว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นของดี เราจึงตั้งหน้าตั้งตามาปฏิบัติ ก็แสดงว่าท่านทั้งหลายไม่ได้บกพร่องในส่วนของปัญญาบารมี เพียงแต่บกพร่องในส่วนของวิริยบารมี ขันติบารมี ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2015 เมื่อ 04:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา