ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 26-10-2015, 06:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,781 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนของสัจจะบารมีนั้นให้วัดง่าย ๆ ว่า ถ้าเรานัดหมายกับผู้ใดแล้วไปตรงตามเวลา ตรงตามนัดหมาย แปลว่าเราเป็นผู้มีสัจจะบารมี ถ้าบุคคลใดนัดหมายแล้วยังไม่สามารถไปได้ตรงตามเวลา แปลว่าสัจจะบารมียังบกพร่องอยู่

ในส่วนของอธิษฐานบารมีนั้นเป็นความตั้งใจว่า เราทำความดีนี้เพื่ออะไร ทุกคนสามารถที่จะตั้งใจได้ ถือว่าข้อนี้ผ่านสำหรับพวกเรา ก็จะไปสำคัญตรงอุเบกขาบารมีอีกที การปฏิบัติธรรมของเราถ้าไม่มีอุเบกขาบารมี โอกาสที่จะปฏิบัติแล้วได้ผลก็มีน้อย เนื่องจากว่าสมาธิทุกระดับต้องประกอบไปด้วยอุเบกขา ก็คือ เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลของการภาวนาจะเกิดอย่างไรก็ช่าง การที่เราทำกำลังใจว่าผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างนั่นคือตัวอุเบกขาบารมี ไม่อย่างนั้นหลายท่านก็ไปตามดู ตามรู้ ตามจี้อยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เราภาวนาอย่างนี้ เดี๋ยวอีกสักครู่จะเป็นอย่างนี้ ลักษณะนั้นเป็นความฟุ้งซ่าน สมาธิจะไม่ทรงตัวแนบแน่นได้

ก็แปลว่าส่วนใหญ่ของเราในบารมี ๑๐ มีส่วนที่น่าหนักใจอยู่แค่ ๓ ส่วน คือส่วนวิริยบารมี เรามีความพากเพียรสมบูรณ์บริบูรณ์หรือว่าบกพร่องอยู่ ? ขันติบารมี เรามีความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่มากระทบรอบข้างในการปฏิบัติของเราหรือไม่ ? แล้วก็อุเบกขาบารมี เราสามารถปล่อยวางได้หรือไม่ว่าเรามีหน้าที่ปฏิบัติภาวนา ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน ?

ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำได้ ก็แปลว่าท่านเป็นผู้ที่สามารถทรงบารมี ๑๐ เอาไว้ได้ ก็ให้พากเพียรพยายามทำให้เข้มข้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าเป็นสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยังอยู่ ท่านสั่งให้ทุกคนเขียนบารมี ๑๐ ติดหัวเตียงเอาไว้ ตื่นเช้าขึ้นมาก็อ่านดู ข้อไหนยังบกพร่องก็ให้เร่งรัดในข้อนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2015 เมื่อ 10:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา