ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 29-10-2015, 12:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,831 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อสติ สมาธิของเรามั่นคงทรงตัว ก็ให้ทบทวนสังโยชน์ทั้ง ๔ ส่วนที่ได้กล่าวมา ทำใจของเราตัด ละ ให้ได้ว่า ร่างกายของเรานี้ก้าวไปสู่ความตายอย่างเที่ยงแท้แน่นอน ตายเมื่อไรขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการ สิ่งที่เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน แล้วให้เอาใจของเราจดจ่ออยู่กับภาพพระหรือพระนิพพานเอาไว้

เมื่อทุกคนทำกำลังใจมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ก็ให้ย้อนกลับไปดูลมหายใจและคำภาวนาของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ให้กำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจของเราไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่กำหนดการภาวนาของเราไป ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดใจรู้อยู่เฉย ๆ อย่าดิ้นรนอยากให้เป็นอย่างนั้น และอย่าดิ้นรนออกจากอาการเหล่านั้น เรามีหน้าที่รับรู้เท่านั้นว่าตอนนี้เป็นอย่างนี้ ๆ แล้ว

ถ้าสามารถวางกำลังใจอย่างนี้ได้ เราก็สามารถก้าวสู่สมาธิขั้นสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2015 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา