ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 11-01-2012, 10:32
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒. เรื่องเวลาของนักปฏิบัติธรรม มีอยู่แต่ธรรมปัจจุบันเท่านั้น มีความสำคัญดังนี้

๒.๑ งานทางโลก เมื่อทำไปให้เห็นงานงวด (งวดเหลือน้อยลง) ก็พึงพิจารณาว่าชีวิตของเราก็งวดลงไปทุกทีเช่นกัน อย่าพึงมีความประมาทในชีวิต อย่าคิดว่าอายุจักยืนยาว ให้คำนึงถึงมรรคผลนิพพานเข้าไว้ ดูหนทางการปฏิบัติเข้าสู่มรรคผลนิพพานไว้เสมอ (ศีล-สมาธิ-ปัญญา-หรือ ทาน-ศีล-ภาวนา) อย่าประมาทในความตาย ให้ทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เวลาในขณะจิตนี้แหละ คือเวลาที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จักปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน

๒.๒ เวลาของนักปฏิบัติ มีอยู่แต่ธรรมปัจจุบันเท่านั้น ตั้งใจตั้งจิตให้มาเอาจริงกันที่ตรงนี้ มองตัวปัจจุบันให้พบ แล้วอย่าไปปฏิบัติภายนอก ให้มาละ มาปฏิบัติที่ภายในกายและจิตของตนเองนี้แหละ (๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ทรงตรัสสอนอยู่แค่กายกับจิตเท่านั้น) ทำให้ได้อย่างนี้อยู่ตลอดเวลา จึงจักขึ้นชื่อว่า ปฏิบัติได้ตรงตามคำสอนของตถาคต

๒.๓ หน้าที่พระพุทธศาสนามีเท่าไหร่ ให้ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนให้พอใจแค่นั้น อย่าดิ้นรนไปให้เกินกำลังของร่างกาย จักเป็นการเบียดเบียนตนเองเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายป่วยก็ต้องกินยารักษาโรคนั้น อย่าทิ้งยา (อันเป็น ๑ ใน ๔ ของปัจจัย ๔ ที่มีความจำเป็นของผู้มีร่างกาย) อย่าคิดว่าร่างกายจักเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน จุดนี้ทำไม่ถูก เพราะพรหมวิหาร ๔ พึงมีกับร่างกายของตนเองก่อน การกินยาเป็นการบรรเทาทุกขเวทนาของร่างกาย จิตยังอาศัยกายนี้อยู่ กายชำรุดก็พึงซ่อมแซมไปถ้ายังซ่อมแซมได้ เพื่อความเป็นสุขของจิต รักษาโรคเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไป เพื่อความเบียดเบียนจิตจักได้ไม่เกิดจากเวทนาของโรคแห่งกายนี้ จักได้นำจิตนี้ มาปฏิบัติธรรมอย่างมีสติ-ปัญญาที่แจ่มใส อันเนื่องด้วยไม่มีทุกขเวทนาของกายเข้ามาเบียดเบียนจนเกินไป

๒.๔ หลวงพี่ วอ. ท่านเล่าว่า ท่านตระเวนไปหาพระดี ๆ ทั่วเมืองไทย ได้พบพระดี ๆ หลายองค์ มีอยู่ ๓ องค์ ทักท่านเหมือนกันหมดว่า ให้ท่านหยุดตระเวนเสียที แต่ท่านไม่เข้าใจ กลับบอกว่า ที่ยังตระเวนไปก็เพื่อหาที่สงบ ๆ เพื่อปฏิบัติธรรม จุดนี้แหละที่ท่านไม่เข้าใจ เพราะความสงบมันอยู่ที่ใจท่าน หากจิตท่านยังไม่สงบ ยังปรุงแต่งธรรม ยังมีอุปาทาน เมื่อถูกกระทบจากธรรมภายนอก (อายตนะภายนอกกับภายในกระทบกันแล้ว จิตขาดการสำรวมอินทรีย์ หรือขาดอินทรีย์สังวรณ์) จิตก็ไม่สงบ ยังฟุ้งซ่าน เป็นนิวรณ์ ทำปัญญาให้ถอยหลัง หรือโง่ทุกครั้ง สอบตกทุกครั้งเมื่อถูกกระทบ สรุปว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน มันก็ไม่สงบ หากยังไม่เข้าใจคำว่าหยุดตระเวนเสียที ซึ่งพระดี ๓ องค์ท่านทัก "หยุด" นี้ ท่านหมายความว่า หยุดอารมณ์ฟุ้งซ่าน หยุดอารมณ์ ๒ คือพอใจกับไม่พอใจ ระงับนิวรณ์ ๕ ให้ได้ จึงจะเห็นความสงบ พบความสงบได้ที่ใจของตนเอง ดังคำตรัสที่ว่า “ธรรมของตถาคตจักต้องหยุดก่อน (หยุดอารมณ์ ๒ โดยระงับนิวรณ์ หยุดฟุ้งซ่าน) จึงจักเห็นการเคลื่อนไหวของกิเลสได้ตามความเป็นจริง จัดว่าตัวอกุศลกรรมยังให้ผลกับหลวงพี่วอ. อยู่ ท่านจึงยังไม่พบกับความสงบ ในปัจจุบันได้ข่าวว่าท่านหยุดตระเวนหาพระดีแล้ว ท่านก็ปักหลักปฏิบัติธรรมอยู่ที่เพชรบูรณ์

๒.๕ พลอากาศเอก อาทร โรจนวิภาต ถึงแก่กรรมเมื่อวันศุกร์ ๙ พ.ย. ๒๕๓๙ ท่านก็ไปพระนิพพานแล้ว หลวงพ่อฤๅษีท่านมารับศิษย์เอกของท่านไปพระนิพพาน เมื่อเห็นธรรมมรณภัยภายนอกแล้ว ก็ให้น้อมเข้ามาสอนจิตเป็นธรรมภายในว่า แม้ร่างกายของเราเอง ไม่ช้าไม่นานก็จักต้องสู่สภาพความตายเช่นนี้เหมือนกัน จักได้ไม่มีความประมาทในชีวิต เร่งปฏิบัติความดี เพื่อจักพ้นจากมนุษย์โลกเข้าสู่แดนพระนิพพาน ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายนั้นเที่ยง ก่อนจักตายก็ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย หากกรรมความตายเข้ามาตัดรอนชีวิตเมื่อไหร่ ก็ตายเมื่อนั้น จึงไม่ควรประมาทในความตาย จิตพร้อมตาย โดยซ้อมตายไว้เสมอ มีอานาปาฯ บวกมรณาฯ และอุปสมานุสติอยู่เสมอ รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน ทำความเพียรเพื่อพระนิพพานไว้ไม่ขาดสาย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2012 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา